'มาร์ค'ควงพี่น้อง'ม่วงศิริ'หาเสียง พระอวยพรนั่งนายกฯอีกสมัย
การเมือง
Webmaster
2019-02-21 10:23:00
30
Webmaster
2019-02-21 10:23:00
30
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายถวิล ไพรสณฑ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมคณะ เดินทักทายประชาชนในสวนธนบุรีรมย์ ถนนประชาอุทิศ เพื่อรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง พร้อมขอคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และนายสาทร ม่วงศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 24 ราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้มี พ.ต.อ.นพ.สามารถ ม่วงศิริ ผู้สมัคส.ส.กทม.เขต 26 บางบอน -หนองแขม (เฉพาะแขวงหนองแขม) พรรคประชาธิปัตย์ และนายสากล ม่วงศิริ ผู้สมัคส.ส.กทม.เขต 25 บางขุนเทียน พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเดินรณรงค์ขอคะแนนเสียงช่วยนายสาทรและพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
จากนั้น เวลา 07.00 น. นายอภิสิทธิ์ และคณะขึ้นรถแห่หาเสียงไปยังตลาดใหม่ทุ่งครุ ซอยประชาอุทิศ 61 เขตท่งครุ เพื่อเดินรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพร้อมพบปะทักทาย แม่ค้าพ่อค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งนี้พระสงฆ์รูปหนึ่งที่มาบิณฑบาตรในตลาดดังกล่าว ได้ให้พรแก่นายอภิสิทธิ์ว่าขอให้ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
จากนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตทุ่งครุ ว่า กระแสการตอบรับพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนมีความตั้งใจอยากให้ประเทศเดินหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่ประชาชนอยากให้แก้ไขให้ตรงจุด ขณะเดียวกันเขาอยากมีความมั่นใจว่าการเมืองจะต้องเดินหน้าไปอย่างสุจริต เพราะฉะนั้นสิ่งที่ประชาธิปัตย์พยายามนำเสนอ คือประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริตด้วยนโยบาย"แก้จน สร้างคน สร้างชาติ" ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนทุกพื้นที่เป็นอย่างดี ทั้งนี้ พรรค จะเปิดตัวนโยบายด้านเศรษฐกิจออกมาอีกในเดือนมี.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปราศรัยเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่านโยบายของพรรคภูมิใจไทยในเรื่องข้าวดีกว่าของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลไกลการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยมีความแตกต่างกัน สำหรับเรื่องข้าว พรรคประชาธิปัตย์ทำนโยบายข้าวจากประสบการณ์ โดยใช้นโยบายประกันรายได้ ถือว่าประสบผลสำเร็จมาระดับหนึ่ง ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราได้ปรับปรุงและยกระดับนโยบายนี้ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่พิสูจน์แล้วว่าดำเนินการไปแล้วไม่ทำให้ระบบการเงิน การคลังเกิดความเสียหาย และที่สำคัญไม่มีการทุจริต และไม่ทำให้กลไกการขายข้าวพัง อีกทั้งข้าวไทยยังสามารถแข่งขัน และส่งออกได้เป็นอย่างดี นี่เป็นแนวทางของประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะเอาแนวคิดเรื่องระบบอ้อย-น้ำตาลมาใช้กับกรณีของข้าว ซึ่งแม้เป็นความตั้งใจที่ดี แต่ความจริงแล้วตลาดอ้อย-น้ำตาลกับตลาดข้าวมีความแตกต่างกัน ที่ผ่านมา ระบบอ้อย-น้ำตาล สามารถทำได้ เพราะสามารถตรึงราคาน้ำตาลในราคาที่สูง จะเห็นได้ว่าทันทีที่มีการลอยตัวราคาน้ำตาล แล้วราคาน้ำตาลลดลงทำให้ราคาอ้อยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จึงมีคำถามว่าถ้าเอาระบบของอ้อย-น้ำตาลมาใช้กับข้าว ก็แปลว่าให้คนไทยจะกินข้าวแพงใช่หรือไม่ นอกจากนี้ การป้อนอ้อยเข้าสู่โรงงานผลิตน้ำตาล มีโรงงานน้อย และมีระบบที่สามารถตรวจสอบได้ ขณะที่การค้าขายข้าวมีหลายประเภท โรงสีมีจำนวนมากซึ่งเป็นปัญหาที่จะทำได้ยาก เรื่องนี้เขาสามารถฟังข้อมูลจากนักวิชาการว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ที่จะนำระบบของอ้อย-น้ำตาลมาใช้กับข้าว.
จากนั้น เวลา 07.00 น. นายอภิสิทธิ์ และคณะขึ้นรถแห่หาเสียงไปยังตลาดใหม่ทุ่งครุ ซอยประชาอุทิศ 61 เขตท่งครุ เพื่อเดินรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพร้อมพบปะทักทาย แม่ค้าพ่อค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งนี้พระสงฆ์รูปหนึ่งที่มาบิณฑบาตรในตลาดดังกล่าว ได้ให้พรแก่นายอภิสิทธิ์ว่าขอให้ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
จากนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตทุ่งครุ ว่า กระแสการตอบรับพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนมีความตั้งใจอยากให้ประเทศเดินหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่ประชาชนอยากให้แก้ไขให้ตรงจุด ขณะเดียวกันเขาอยากมีความมั่นใจว่าการเมืองจะต้องเดินหน้าไปอย่างสุจริต เพราะฉะนั้นสิ่งที่ประชาธิปัตย์พยายามนำเสนอ คือประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริตด้วยนโยบาย"แก้จน สร้างคน สร้างชาติ" ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนทุกพื้นที่เป็นอย่างดี ทั้งนี้ พรรค จะเปิดตัวนโยบายด้านเศรษฐกิจออกมาอีกในเดือนมี.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปราศรัยเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่านโยบายของพรรคภูมิใจไทยในเรื่องข้าวดีกว่าของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลไกลการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยมีความแตกต่างกัน สำหรับเรื่องข้าว พรรคประชาธิปัตย์ทำนโยบายข้าวจากประสบการณ์ โดยใช้นโยบายประกันรายได้ ถือว่าประสบผลสำเร็จมาระดับหนึ่ง ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราได้ปรับปรุงและยกระดับนโยบายนี้ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่พิสูจน์แล้วว่าดำเนินการไปแล้วไม่ทำให้ระบบการเงิน การคลังเกิดความเสียหาย และที่สำคัญไม่มีการทุจริต และไม่ทำให้กลไกการขายข้าวพัง อีกทั้งข้าวไทยยังสามารถแข่งขัน และส่งออกได้เป็นอย่างดี นี่เป็นแนวทางของประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะเอาแนวคิดเรื่องระบบอ้อย-น้ำตาลมาใช้กับกรณีของข้าว ซึ่งแม้เป็นความตั้งใจที่ดี แต่ความจริงแล้วตลาดอ้อย-น้ำตาลกับตลาดข้าวมีความแตกต่างกัน ที่ผ่านมา ระบบอ้อย-น้ำตาล สามารถทำได้ เพราะสามารถตรึงราคาน้ำตาลในราคาที่สูง จะเห็นได้ว่าทันทีที่มีการลอยตัวราคาน้ำตาล แล้วราคาน้ำตาลลดลงทำให้ราคาอ้อยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จึงมีคำถามว่าถ้าเอาระบบของอ้อย-น้ำตาลมาใช้กับข้าว ก็แปลว่าให้คนไทยจะกินข้าวแพงใช่หรือไม่ นอกจากนี้ การป้อนอ้อยเข้าสู่โรงงานผลิตน้ำตาล มีโรงงานน้อย และมีระบบที่สามารถตรวจสอบได้ ขณะที่การค้าขายข้าวมีหลายประเภท โรงสีมีจำนวนมากซึ่งเป็นปัญหาที่จะทำได้ยาก เรื่องนี้เขาสามารถฟังข้อมูลจากนักวิชาการว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ที่จะนำระบบของอ้อย-น้ำตาลมาใช้กับข้าว.
