'มาร์ค'จี้กกต.ลุยสอบข่าวซื้อเสียง-นโยบายพรรคการเมือง
การเมือง
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. สามารถขึ้นเวทีดีเบตของกกต.ได้ แต่เวทีอื่นต้องพิจารณาอีกครั้ง ว่า ตนยังไม่ค่อยเข้าใจเหตุผล แต่อยากให้เวทีดีเบตของไทยเป็นมาตรฐานเหมือนอย่างในต่างประเทศ ที่มีการส่งเสริมให้คนที่อาสามาทำงานให้ประชาชนได้พูดคุยกันในรูปแบบที่สร้างสรรค์ แต่การที่นักการเมืองสื่อสารข้างเดียวนั้น ทำให้ประชาชนไม่ได้รับทราบข้อมูลที่ครบถ้วน และไม่มีการนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกัน ตนจึงอยากให้เวทีประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ส่วนกรณีที่กกต.จัดเวทีดีเบตนั้น ตนรับทราบแค่ว่ามีการจับคู่ โดยคู่ดีเบตไม่ได้เดินทางมาพร้อมกัน ซึ่งตนคู่กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่บางฝ่ายมองว่าการจัดทำนโยบายของพรรคการเมืองไม่สอดคล้องกับงบประมาณที่กระทรวงการคลังออกมา ว่า การจัดทำนโยบายทุกพรรคต้องอธิบายที่มาของเงินอยู่แล้ว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้นำคำชี้แจงเรื่องงบประมาณที่จะใช้ในการจัดทำนโยบาย ไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ทั้งจำนวนเงินที่ต้องใช้ ซึ่งในช่วงต้นเดือน มี.ค.นี้ พรรคจะจัดแถลงข่าวเรื่องเศรษฐกิจในภาพรวมและปัญหาการเงินการคลังทั้งหมด พร้อมทั้งอธิบายให้เห็นว่านโยบายของพรรคเรา สามารถระดมเงินมาทำได้อย่างไร โดยยืนยันว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์สามารถทำได้ ไม่เป็นภาระกับประชาชนทั่วไป ถ้าจะมีภาระเพิ่มเติม ก็เฉพาะคนที่มีกำลังจ่ายเท่านั้น ซึ่งกกต.ต้องตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎระเบียบ แต่ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามว่าเมื่อพรรคเสนอนโยบายแล้วจะมีการวางแผนในการหาเงินมาอย่างไร เพื่อช่วยกันตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแต่ละพรรค
เมื่อถามว่าแต่บางพรรคมีลักษณะของการแจกแหลก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราจึงได้ย้ำว่าต้องระวังสินค้าลอกเลียนแบบและการเกทับกัน เพราะนั่นหมายถึงนโยบายไม่ได้มาจากฐานความคิดที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น
เมื่อถามถึงข่าวที่ว่ามีบางพรรคการเมืองซื้อเสียงหัวละ 500 บาทกันแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าอยากให้ กกต. ทำงานเชิงรุกด้วยการตรวจสอบ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในสาธารณะแล้ว โดยไม่ต้องรอให้มีการร้องเรียน ถ้ากกต.เข้าไปเลยแล้วปราม ทำให้เห็นก็จะเป็นประโยชน์ และขณะนี้ตัวก็ได้รับรายงานเรื่องการเก็บบัตรประชาชนในจังหวัดภาคใต้ยังมีอยู่ ส่วนในเขตกรุงเทพฯ ก็มีการผูกโยงกับการทำโครงการของบางหน่วยงาน ซึ่งขณะนี้พรรคกำลังรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบต่อไป.