กกต.แนะกางบัญชีหัวคะแนน ขู่ใครโกงหลุดเก้าอี้ส.ส.ใช้หนี้10ล้าน
การเมือง
"ทั้งนี้ขอให้เจ้าพนักงานยึดมั่นในความเป็นกลาง กล้าหาญ ไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดัน หรืออิทธิพลใดๆ แม้จะเจออิทธิพลแต่ขอให้เชื่อมั่นในอิทธิพร และเชื่อมั่นในเจตนารมย์กฎหมาย และยึดหลักนิติธรรม ความเที่ยงธรรม ความชอบธรรม เป็นหลักในการทำงาน เพื่อให้ทุกท่านทำงานอย่างมั่นใจ เป็นที่รัก และนับถือจากทุกฝ่ายและทุกคน" นายอิทธิพร กล่าว
ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ในอดีตคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 200 สำนวน ศาลสั่งยกคำร้องไป 180 เรื่อง แต่การสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีการเลือกตั้งครั้งนี้มีออฟชั่นเพิ่มขึ้น มีทั้งกฎหมายคุ้มครองพยาน และสินบนรางวัลจูงใจให้ประชาชนนำเงินซื้อเสียง 1,000-2,000 บาท มาแลกเงินแสน ตลอดจนอำนาจในการส่งสำนวนไต่สวนไปให้อัยการดำเนินคดีอาญาได้เลย โดยไม่ต้องไปแจ้งความที่ สน. เท่ากับว่าคดีจะเสร็จสิ้นภายใน 3-5 เดือน นอกจากฎหมายยังให้ถือสำนวนไต่สวนของกกต.เป็นหลักในการแจกใบเหลือง และใบแดงของศาล หรือให้ศาลสั่งจ่ายค่าเลือกตั้ง โดยไม่ต้องย้อนไปฟ้องแพ่ง หากผู้ชนะการเลือกตั้งถูกศาลตัดสินว่าทุจริตและสั่งให้เลือกตั้งใหม่ ภายในเวลา 6 เดือนจะตกจากเก้าอี้ส.ส.กลายเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง 10 ล้านบาท
"ขณะนี้ เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่ที่เข้ามายังกกต. เป็นเรื่องการทำลายป้าย ซึ่งความผิดฐานทำลายทรัพย์ แต่มีแนวโน้มว่า การใส่ร้ายป้ายสีในโซเชียลมีเดียเริ่มแซงการหาเสียงรูปแบบเก่า ตรวจสอบไม่พบการโจมตีหรือป้ายสีกันในเวทีปราศรัย แต่ไปปรากฎในโซเชียลมีเดียแทน คาดว่าหลังการเลือกตั้งจะมีจำนวนคนที่ต้องถูกลากจากหน้าจอหรืออีพอร์ต ส่งเข้าเรือนจำเป็นจำนวนมาก เพราะการใส่ร้ายป้ายสีมีโทษอาญา จำคุกหลายปี "เลขาธิกกต.กล่าว
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า เจ้าพนักงานสืบสวน สวนสวน และไต่สวน ทำงานด้วยความรวดเร็วฉับไว ลงโทษได้ทันที ไม่มีคดีค้างเพราะหลังเลือกตั้งส.ส. จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นตามมา พูดได้ว่า ปี 2562 เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง กลุ่มภารกิจสอบสวนต้องทำงานควบคู่ไปกับกลุ่มบริหารจัดการเลือกตั้ง การสอบพยานต้องทำเร็ว แต่ต้องไม่ทิ้งหลักการสอบสวนให้ปราศจากข้อสงสัย สรุปคือต้องเร็วและละเอียด อย่างไรก็ตาม ขอให้เน้นไปที่พยานเอกสาร บัญชีหัวคะแนน หรือมือแจกเงินประจำตำบล หมู่บ้าน ต้องหมายหัวไว้ได้ล่วงหน้า เราจะไม่ปล่อยให้คนทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเข้าไปนั่งในสภาฯ.
นอกจากนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังให้สัมภาษณ์ว่า สำนักงานกกต.ได้จัดส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร ไปยังสถานทูตและสถานกงสุลที่มีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิไปหมดแล้ว ส่วนการเตรียมการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค.นี้ได้เตรียมพร้อมแล้วทั้ง 385 หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า โดยมีการประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติการ เพื่ออำนวยความสะดวกหน้าหน่วยเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการจราจร การรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนในหน่วยเลือกตั้งจะมีการจัดสถานที่โดยจะแบ่งเป็นภาคและกระจายเป็นแต่ละจังหวัดและเขต เพื่อให้ประชาชนสะดวกในการใช้สิทธิ ซึ่งมั่นใจว่าผู้มาลงทะเบียนกว่า 2.6 ล้านคน จะมาใช้สิทธิทั้งหมด เพราะเป็นการยื่นความจำนงมาขอใช้สิทธิเอง แต่ถ้าไม่มาใช้สิทธิในวันที่ 17 มี.ค.จะไม่สามารถไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งที่ 24 มี.ค.ได้ และต้องเสียสิทธิบางประการ เช่น ไม่สามารถเข้าชื่อถอดถอนผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือสมัครกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้สำนักงานกกต.จะเริ่มทยอยส่งหนังสือแจ้งเจ้าบ้านไปยังครัวเรือนของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.เป็นต้นไป โดยหนังสือดังกล่าวจะมีรายละเอียดของผู้สมัคร พรรคการเมือง นโยบายของพรรคการเมืองในเขตเลือกตั้งของเจ้าบ้านเพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้มีสิทธิศึกษาประกอบการตัดสินใจลงคะแนน ขณะเดียวกันบางจังหวัดจะส่งเอกสารแจ้งเจ้าบ้าน เพื่อให้ทราบข้อมูลว่าจะต้องไปใช้สิทธิหน่วยเลือกตั้งที่เท่าไหร่ และเลขลำดับการใช้สิทธิ.