อย.ยันกฎหมายปลดล็อกกัญชาเข้าครม.รัฐบาลนี้
การเมือง
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการ อย. ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มีผู้ให้ความเห็นที่หลากหลาย และมีประโยชน์ เช่น เรื่องแพทย์แผนไทยจะทำอย่างไรให้สามารถเข้าถึงการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างเหมาะสม เช่น ในคลินิกเอกชน เรื่องการใช้ในส่วนของสัตวแพทย์ ส่วนเรื่องการอนุญาตปลูกกัญชานั้นย้ำว่าต้องเป็นการยึดโยงกับเรื่องของการทำวิจัย จึงต้องฝากทางเกษตรกรว่าขอให้ศึกษาข้อกฎหมายให้ดี ทั้งนี ความเห็นทั้งหมดจะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษพิจารณาคาดว่าน่าจะราวๆ ต้นเดือนมี.ค.เมื่อผ่านแล้วหากเป็นตัวร่างประกาศก็ให้รมว.สาธารณสุขลงนาม ส่วนกฎกระทรวงจะเสนอเข้าครม. ซึ่งคาดว่าทันครม.ในรัฐบาลนี้ แต่ยืนยันว่าเป็นไปตามขั้นตอนของกรอบการออกกฎหมาย ไม่มีใบสั่งรัฐบาล หรือใครมาเร่งรัด
ด้าน นายพายัพ ยังปักษี เลขาธิการสภากัญชาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะเปิดกัญชาเสรี อย่างน้อยก็ในช่วง 5 ปี ขณะที่ต่างประเทศเขาทำกัญชาเสรีไปแล้ว ดังนั้นการปลดล็อคกัญชาครั้งนี้จึงเกิดคำถามว่าคนไทยได้หรือเสีย ถ้าได้แล้วได้ประโยชน์จากการปลดล็อคมากน้อยแค่ไหน อย่างการเปิดช่องให้แพทย์แผนไทยใช้ได้ แต่ก็ตีกรอบไว้แค่สถานพยาบาลของรัฐ คลินิกเอกชนใช้ไม่ได้ และถ้าดูสัดส่วนของคณะกรรมการยาเสพติดก็ไม่มีผู้แทนจากภาคเกษตร ขณะนี้มีการเกิดขึ้นของสภากัญชาเกือบ 50 แห่งทั่วประเทศเพื่อขับเคลื่อนเรื่องกัญชาเสรี โดยพร้อมเป็นที่ปรึกษาด้านสายพันธุกัญชา
นายพายัพ กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าตอนนี้มีพรรคการเมืองใหญ่อยากจะปลดล็อคกัญชาเสรี แต่ก็ยังกังวลเรื่องแรงเหวี่ยงต่างๆ อยู่มีเพียงบางพรรคที่กล้าประกาศชัดเจนว่าจะทำเรื่องกัญชาเสรี เพราะเขาคงคิดลึกๆ แล้วว่าอนาคตจะต้องไปสู่การทำกัญชาเสรี ดังนั้นนโยบายกัญชาเสรีจึงถือว่าตอบโจทย์ เขาเล็งแล้วว่าการชูนโยบายเรื่องนี้จะมีคนหย่อนบัตรให้ และที่น่าสังเกตว่าทำไมตอนนี้นายกรัฐมนตรีถึงกล้าชนกับเจ้าของลิขสิทธิ์กัญชาต่างชาติ แสดงว่าเล็งแล้วหมือนกันว่ากัญชาสร้างคะแนนเสียงได้ ดังนั้นถึงเร่งปลดล็อคกัญชา แต่ถามว่าปลดล็อคแล้วทำไมถึงไม่เสรี แต่เผลอๆ ยิ่งเข้าใกล้เลือกตั้งอาจจมีอีกหลายพรรคชูนโยบายกัญชาเสรีก็ได้ ซึ่งก็ไปตรงกับการทำงานของสภากัญชาที่ต่อสู้เพื่อให้มีการปลดล็อคกัญชาแบบเสรี
นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ ที่ปรึกษาประธานสภาเกษตรแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอความเมตตาเจ้าหน้าที่ผู้ออกระเบียบ พิจารณาเรื่องการเข้าถึงการใช้กัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยด้วย เพราะมีงานวิจัยทั่วโลกยืนยันว่าอัตรายจากกัญชาเป็นศูนย์ ขณะที่บุหรี่ เหล้ามีอันตรายมากกว่ายังอนุญาต รวมถึงพวกสารเคมี ยาฆ่าหญ้าที่รัฐบาลรู้ว่าเป็นพิษแต่ก็อนุญาตให้ใช้ง่ายเหลือเกิน นอกจากนี้ที่กลัวคือผู้ป่วยหากไปแจ้งการครอบครองแล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ใช่โรคที่อนุญาตแบบนี้จะถูกจับกุมหรือไม่ เป็นต้น และอีกอย่างที่กังวลคือกฎกหมายลูกออกข้อกำหนดมาเกินกว่าฎหมายแม่ เช่น การให้สัตวแพทย์ทำได้ แต่พอชี้แจงบอกว่าทำไม่ได้ รวมถึงกฎหมายให้เกษตรกรปลูก ผลิต นำเข้า แต่กลับปิดหมด ดังนั้นจะมีการทำหนังสือชี้แจงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง.