ข่าว'บิ๊กตู่'เมินร่วมเวทีดีเบต ชี้เสียเวลาประดิษฐ์ประดอยคำ - kachon.com

'บิ๊กตู่'เมินร่วมเวทีดีเบต ชี้เสียเวลาประดิษฐ์ประดอยคำ
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.  ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคสช. และการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)  ถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวหนังสือ”ประชารัฐ สร้างชาติ”ว่า ตนได้เห็นหนังสือดังกล่าวแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริงของตนเอง แต่ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ซึ่งพรรคจัดทำขึ้นเพื่อแจกส.ส.และสมาชิกพรรคเท่านั้น เนื่องจากพรรคเสนอชื่อตนเองเป็นนายกฯ ส่วนได้มีการเตรียมตัวหรือไม่หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาว่าสามารถขึ้นเวทีดีเบตได้นั้น ตนเตรียมตัวมานานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นในการดีเบต และไม่ใช่กลัวหรือไม่กลัว ซึ่งต้องดูว่าเวทีดีเบตเป็นอย่างไร เพราะเป็นการโจมตีกันส่วนใหญ่ ไม่เคยมีสารัตถะ และเถียงกันในตอนต้น พอถึงตอนปลายไม่มีใครสนใจนโยบาย แต่ไปอินกับการโจมตีกับนั้นคนนี้ รวมถึงเล่นงานกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ และขอไปดูการดีเบตในต่างประเทศว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นตนคงไม่ไปไม่ว่าใครจะมากระตุ้นอะไรก็ไม่โกรธและไม่กลัว 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญวันนี้กำลังทำงาน จึงเป็นการเสียเวลาที่ต้องไปประดิษฐ์ประดอยคำพูดต่างๆออกมาให้ปวดหัว เพราะแค่ทำงานในระบบก็แย่พออยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งต่างๆเป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว หากต้องการทราบวิสัยทัศน์ของตนในฐานะที่จะเป็นนายกฯต่อไปสมมุติได้เป็น ซึ่งวิสัยทัศน์มีอยู่แล้ว คือ มั่งคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ภายใต้ปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งจบแล้ว ขณะที่นโยบายทั้ง 11 ด้านของรัฐบาล รวมถึงวาระแห่งชาติต่างๆก็ได้แก้ไขปัญหาไปหมดแล้ว ตนได้แสดงฝีมือให้เห็นแล้ว แต่ถ้าถามว่าในอนาคตหากได้เป็นนายกฯต่อจะทำอะไรต่อไปนั้น ที่ผ่านมาได้จัดทำยุทธศาสตร์ แผนแม่บท และกฎหมายการเงินการคลัง รวมถึงกฎหมายต่างๆออกมาแล้ว และทุกอย่างไม่ได้แก้ที่ปลายทาง จะต้องแก้ที่ต้นทางด้วย ซึ่งทุกอย่างพูดลอยๆไม่ได้จึงต้องมีกฎหมายทั้งหมด รวมถึงการคิดนโยบายอะไรก็ตามต้องปฏิบัติได้จริง ทั้งนี้ ตนไม่อยากพูดโต้ตอบกับใคร แต่ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าจริงว่าการบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่เรื่องง่าย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้หลายเรื่องกลายเป็นประเด็นการเมือง ซึ่งอาจะเป็นการให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งและการหาเสียง แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะหากพูดกันไปมาจนไม่มีสาระอะไรเลย กลายป็นการฟ้องกันมาจะทำอย่างไร และจะให้ตนแก้ปัญหาอย่างไร อีกทั้งหากการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ยังมีการฟ้องเละแบบนี้จะทำอย่างไร ดังนั้นขอให้ทุกคนลดท่าทีของตนเองไปบ้าง หากพูดถึงนโยบายก็จะบอกว่าจะทำอย่างไร และให้เงินจากที่ไหน ซึ่งวันนี้รัฐบาลคำนึงของรายได้ของประเทศ และไม่ให้หนี้สาธารณะเพิ่ม รวมถึงสอดคล้องกับแผนแม่บทและแผนสภาพัฒน์ฯ 5 ปี เคยมีใครทำงานแบบนี้หรือไม่ ดังนั้นหลายเรื่องที่สามารถเร่งรัดได้โดยการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ อีกทั้งรัฐบาลทำมาตลอด 5 ปี ใน 11 นโยบาย แก้ปัญหาหลายอย่างเดินหน้าไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังมีอีกหลายระดับที่ต้องทำต่อ ดังนั้นการที่ตนคิดและทำนโยบายออกมาใช่การแสดงวิสัยทัศน์ของตนหรือไม่ในทางที่ถูกต้องในฐานะรัฐบาลและคสช. และถ้าไม่เอาทหารไปเสริมก็ทำไม่ทันในทุกเรื่อง ทั้งการตรวจสอบ และการแก้ปัญหาหนี้สิน หลายคนบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ทหาร ซึ่งทหารไปช่วยไม่ได้ไปก้าวล่วงและทหารมีแค่เบี้ยเลี้ยงเงินเดือนและสวัสดิการไม่มีโอที ทำไมไม่ดูเราลดงบประมาณตรงนี้อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็ขอแบบข้าราชการอื่น ทำ 5 อย่าง ขอ 5 เบี้ยเลี้ยง

"ผทไม่อยากให้เวลา 5 ปีเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วยการโจมตีไปที่จุดตั้งต้นใหม่  มันไม่ใช่ ผมเลยจุดนั้นมาแล้ว ที่จะบอกว่าผมผิด ผมถูก ผมเข้ามา ซึ่งมันเลยมานานแล้ว 5 ปี จะย้อนกลับไปที่เก่าอีกหรือ ผมพ้นเวลาเหล่านั้นไปแล้วด้วยกฎหมายหรืออะไรต่างๆก็แล้วแต่ และอย่าลืมที่ผมเข้ามามันเป็นวิธีการที่แก้ปัญหาประเทศชาติในขณะนั้น เมื่อเข้ามาแล้วเขาก็ต้องมีอำนาจให้ผมสามารถทำงานได้ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ต่อเนื่องก็แค่นั้น และทำไมต้องตีกันกลับไปกลับมาอีกรอบ ลืมกันหมดหรือยังตั้งแต่ 22 พ.ค. ลืมหมดแล้วใช่ไหมจ๊ะ ”นายกฯ กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงผ่านโซเชียลมีเดียอ้างชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากพรรคพลังประชารัฐโทรศัพท์สอบถามชาวบ้าน โดยกเงื่อนไขถ้าอยากมีบัตรประชารัฐต่อไปก็ต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีไปตรวจสอบกับพรคการเมืองดังกล่าวแล้วว่าทำจริงหรือไม่ และได้รับรายงานในชั้นต้นยืนยันว่าไม่มีและไม่ได้ทำ อีกทั้งพรรคได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว ดังนั้นใครให้ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลต้องระมัดระวัง และย้ำว่ากฎหมายมีทุกตัว จะให้อิสระจนมีการบิดเบือนมากๆ ไม่ได้ ซึ่งขณะนี้มีข่าวลวงและคลิปปลอมจำนวนมาก และได้มีการฟ้องจับกุมไปแล้ว9 คน และฝ่ายความมั่นคงได้จับกุมไปแล้ว ตนไม่จำเป็นต้องไปสั่งการเพิ่มเติม.