'บิ๊กตู่'โชว์วิสัยทัศน์มาแล้ว5ปี ชี้มีประโยชน์กว่ากว่าดีเบต
การเมือง
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาอยู่ท่ามกลางทุกคนที่เป็นหัวกะทิ ซึ่งก่อนจะมีหัวกะทิก็ต้องมีต้นมะพร้าวที่มีคุณภาพ แต่ปัญหาคือหากมีลูกมะพร้าวเยอะก็จะเจาะชอนไชต้นจนตายเป็นแถบๆ รัฐบาลก็ต้องเสียเงินกำจัดลูกมะพร้าว จึงต้องเจาะทุกวันทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และประชาธิปไตย โดยต้องแก้ปัญหาให้ได้ เพราะโลกเปลี่ยนแปลง มีโซเชียลมีเดีย และเป็นโลกไร้พรมแดน จึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี สร้างคนดี คนเก่ง และคัดกรองผ่านสถาบันการศึกษา ทั้งนี้ขอบคุณปตท. และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดสถาบันและโรงเรียนแห่งนี้ ทุกคนไม่สามารถเลือกเกิดได้ และเลือกที่จะเป็นคนรวยคนจนไม่ได้ ดังนั้นการศึกษาจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำให้คนไทยได้ อีกทั้งเป็นการสร้างหลักคิดที่ถูกต้อง ให้ทุกคนเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณธรรม จิตสำนึกและมีจิตอาสา ซึ่งถือเป็นคนไทยยุคใหม่ที่เราต้องการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนพูดวันนี้คงมีประโยชน์กว่าการไปพูดดีเบต โดยจะพูดในสิ่งที่เป็นอนาคต รัฐบาลแสดงวิสัยทัศน์มาตลอด 5 ปีแล้ว ยังไม่พอหรืออย่างไร ย้ำว่าวิสัยทัศน์คือ ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ประกอบเป็น 100 กิจกรรม หากใครสนใจก็เปิดดูในเว็บไซต์ของรัฐบาลได้ รวมถึงมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บท ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนแปลง เพราะไม่ได้เขียนล็อกสเปกไว้ ยืนยันว่ารัฐบาลเปิดกว้าง ทั้งนี้รู้สึกอิจฉานักเรียนกำเนิดวิทย์ ตนและรมว.มหาดไทย ก็อยากมาเรียน เพราะจะได้ไม่ต้องมาเป็นนายกฯ ในวันนี้ จะได้ตั้งใจเรียนให้ดีแล้วสอบเข้าให้ได้ จะได้เป็นวิศวกร นักวิจัยและนักพัฒนา นอกจากนี้ตนไม่พูดแค่ปลายทาง แต่เราต้องมองก้าวแรกเสมอ อีกทั้งตนขอพูดในภาพรวมให้ แสดงวิสัยทัศน์ว่าใช้ได้หรือไม่ ขอให้มองตรงนี้และคิดว่าตนคงไม่ฉลาดน้อยไปสักเท่าไร ชณะที่ประเทศไทยมีคนตั้ง 60-70 ล้านคน จะทำให้ถูกใจทุกคนเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นคนจะรักจะชอบหรือจะชังก็เป็นเรื่องธรรมดา บางครั้งอาจมีอารมณ์นิดหน่อยก็ต้องขอโทษด้วยเพราะเรื่องมันเยอะ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ อยากให้นักเรียนทุกคนรู้จักสงสัยและกล้าตั้งคำถาม ไม่ใช่ No comment ตลอด และไม่ใช่อ่านตำราต้องสอบเพียงอย่างเดียวเพราะจะทำให้คุณภาพการศึกษาแย่และเด็กคิดไม่เป็น และยังมีวาทกรรมว่าทำอย่างไรให้รวยขึ้นไม่จน ขณะเดียวกันขอให้ช่วยกระตุ้นคนอื่นๆ ให้เป็นหัวกะทิแบบนักเรียนที่นี่ด้วย พร้อมนำพาสังคมให้ปลอดภัยปรองดองและพัฒนา อีกทั้งวันนี้ที่จังหวัดระยองมีการก่อสร้างโรงงาน ทดสอบรางรถยนต์ในประเทศไทย ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาสร้างเสร็จแล้วในเฟส 1 ก่อนหน้านี้ไม่เคยมี โดยจะเป็นศูนย์กลางการทดสอบล้อและยางรถยนต์ที่ใหญ่และทันสมัยแห่งเดียวในอาเซียน ขอให้ทุกคนปรบมือด้วย ซึ่งสิ่งดีๆมีอีกจำนวนมาก แต่ในเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จกลายเป็นไม่ดีไปทั้งหมด ไม่มีอะไรทำเสร็จได้ในวันเดียวเหมือนกรุงโรม นอกจากนี้ ผู้นำมีหลายประเภท โดยเฉพาะนักวิจัยและนักพัฒนากว่าจะเป็นไอสไตน์ได้ก็เกือบตายเหมือนกัน
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมงานวิจัยของนิสิตระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ณ อาคารสำนักวิชาวิทยศาสตร์และวิศวกรรมชีวโมเลกุล (BSE) เยี่ยมชมงานวิจัยของนิสิตระดับปริญญาโทและปริญาเอก ณ อาคารสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IST) เยี่ยมชมงานวิจัยของนิสิตระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ณ อาคารสำนักวิชาวิทยาการพลังงาน (ESE) และเยี่ยมชมศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานสำหรับ “โครงการพัฒนาอุปกรณ์กักเก็บพลังงานต้นแบบสำหรับรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ทำอย่างไรให้คนในชาติเกิดความรักความสามัคคี ซึ่งจะเกิดขึ้นได้โดยพวกเราทุกคน ดังนั้นต้องเข้าใจตรงกันว่าประเทศชาติประกอบด้วยคนหลายเหล่า ตนเคยเป็นทหารมาก่อนแต่วันนี้เลยเวลานั้นมาแล้ว ถ้าย้อนกลับไปก็ต้องย้อนไล่ไปทั้งหมด ซึ่งวันนี้ยังมีการพูดหลายอย่าง แต่ตนไม่อยากตอบโต้ เพราะมันเลยเวลานั้นมาแล้วและวันนี้ก็กำลังทำอยู่ ส่วนอนาคตใครจะทำต่อก็ว่ากันไป ตนไม่ได้ว่าอะไร ขณะเดียวกันเรื่องความมั่นคงอยากฝากไว้ว่าเรายังจำเป็น ขอให้ลืมบทบาทที่ตนเป็นทหารไปก่อน แต่ทำไมเราต้องใช้ทหารเนื่องจากต้องใช้คนเฝ้าตรวจชายแดนกว่า 5,000 กิโลเมตร เพราะยังไม่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยเหมือนหุ่นยนต์ที่แสดงให้ดูในวันนี้ ถ้ามีหุ่นยนต์แบบนี้ให้ทหารใช้ได้ ก็จะลดทหารเฝ้าตรวจไปได้เยอะ เมื่อตนพูดเช่นนี้อย่าหัวเราะ เพราะเห็นในต่างประเทศเช่นสหรัฐอเมริกาทำแล้ว ดังนั้นต้องผลิตของเหล่านี้มาเพื่อทดแทนการใช้คน แต่อย่าลืมว่าการลดคนมากๆก็จะมีปัญหาในการช่วยเหลือทางภัยพิบัติ และการช่วยเหลือประชาชน แต่ทหารสามารถเรียกใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงถือเป็นความจำเป็น ซึ่งในยามปกติอาจดูไม่มีมูลค่า ขอให้จำเอาไว้ว่า ไม่มีกำไรและขาดทุน ขออย่าคิดทุกอย่างเป็นกำไรและขาดทุนไปหมดเพราะความมั่นคงมันอันตราย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามย้ำว่าตัวเองคิดดีและทำดีมาตลอดชีวิต ไม่ได้คิดเพื่อตัวเองแต่คิดเพื่อคนอื่น และไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบในวันนี้ อีกทั้งใกล้มีพิธีพระบรมราชาภิเษกซึ่งประเทศไทยประกอบด้วยชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ และพวกเราประชาชนที่ต้องดูแล นอกจากนี้ตนพยายามยิ้มอยู่ทุกวัน ไม่ได้เสแสร้งบางคนบอกให้ตนเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ยิ้มหวานๆทำหน้าคิขุ คงทำไม่เป็น เพราะอยู่ในกองทัพหมากว่า 40 ปีก็ทำหน้าอย่างนี้ มีการปกครองและการบังคับบัญชา บางครั้งไม่ได้ดุไม่ได้โมโหใครก็แกล้งทำหน้าไป จะได้ไม่มีคนเกเร เพราะต้องปกครองคนเป็นแสนคน บางวันใจดีบางวันก็ดุบ้างไม่เช่นนั้นก็ยังมีคนเกเร และสังคมไม่มีคนนำทาง ซึ่งตนไม่ใช่คนวิเศษวิโสอะไร ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากันทั้งหมด แต่รัฐมนตรีศักดิ์ศรีจะเหลือน้อยลงทุกที เพราะโดนด่าทุกวัน ประเทศไทยจับผิดทุกเรื่องบอกว่าตนพูดไม่เพราะ ซึ่งตนพูดไม่ถึง 10 คำ แต่บางคนพูดเป็น 100 คำไม่ว่าเขา แต่มาว่าเพราะเป็นนายกฯ แต่ตนไม่ใช่โรบอท อย่างไรก็ตามอยากฝากไว้ว่าเสน่ห์ทุกคนมีอยู่แล้วความเป็นไทยต้องยิ้มยิ้มและยิ้ม
ทั้งนี้ระหว่างที่นายกฯ กล่าวกับผู้เข้าร่วมงานนั้นกบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี หรือและนก สินจัย เปล่งพานิช ได้เดินเข้ามา ทำให้นายกฯ หยุดพูดพร้อมกล่าวว่า “กบ ทรงสิทธิ์ ร้องเพลงเพลงซักเพลงไหม ปาฏิหาริย์ ” ทั้งนี้เมื่อนายกฯ กล่าวเสร็จสิ้นได้เดินลงจากเวที พร้อมกับทักทายผู้ที่มาร่วมงาน โดยเมื่อนายกฯ เดินผ่านก็ได้ให้ กบ ทรงสิทธิ์ ร้องเพลงปาฏิหาริย์ ซึ่งนายกฯ ได้ร้องท่อนที่ว่า “ปาฏิหาริย์ ไม่มีจริง” พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ชอบฟังเพลงกันไหม ผมชอบเพลงรางวัลแด่คนช่างฝัน ของจรัล มโนเพ็ชร เคยฟังกันหรือเปล่า
จากนั้นนายกฯ ได้ร่วมถ่ายภาพกับผู้บริหาร ครู และเซลฟี่ร่วมกับนักศึกษาอย่างอารมณ์ดี.