แกนนำพรรคโชว์ของแก้ปัญหารากหญ้า-ขจัดเหลื่อมล้ำ
การเมือง

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มีการจัดเสวนาจับตาการเลือกตั้ง 2562 ครั้งที่2 ในหัวข้อ “ปากท้องคนไทยและเศรษฐกิจประเทศหลังการเลือกตั้ง 2562” ซึ่งมีแกนนำพรรคการเมืองต่างๆเข้าร่วมเสวนาอย่างคึกคัก อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และนายวิรัตน์ วรศสิริน รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
ทั้งนี้นายกิตติรัตน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเชื่อว่าเมื่อมีการเลือกตั้ง การเจรจาด้านการค้าโดยเฉพาะระหว่างประเทศจะกลับมา เราต้องลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดูแลเรื่องกำลังซื้อของประชาชน ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลก็มีความสำคัญ หากใช้จ่ายถูกต้องก็จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจได้ ซึ่งไม่ใช่แค่การใช้เงินอัดฉีดไปทั้งหมด แต่ต้องทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีรายได้มากขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน เราต้องเพิ่มรายได้ให้คนจนและลดรายจ่ายให้เขา ขยายโอกาสให้ทุกคน พรรคเพื่อไทยมีนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยจะขับเคลื่อนทุกด้าน
ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือไม่ แต่ข้อดีคือบังคับให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชน ทั้งนี้ตนคิดว่าวิธีการประกันรายได้ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความยากจน เราต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม การบริการ และภูมิศาตร์ สำหรับเรื่องที่ต้องทำทันทีหากได้เป็นรัฐบาลคือ เรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการคมนาคมที่ต้องร่วมกันลงทุน ไม่ใช่เราจ่ายเงินเพียงฝ่ายเดียว เพราะจะสุ่มเสี่ยงต่อความเสียหาย การแก้ไขปัญหาการผูกขาดนายทุนใหญ่ ซึ่งรัฐบาลอย่ารีบต่อสัญญาดิวตี้ฟรี ต้องมีการเพิ่มเบี้ยประชารัฐ การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ พัฒนาการศึกษา ดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิด
ขณะที่นายกอบศักดิ์ กล่าวว่าหากพรรคได้เป็นรัฐบาลมี 3 เรื่องที่ต้องทำเร่งด่วนคือ 1.สานต่องานที่ประชาชนชอบ เช่น บัตรประชารัฐ บ้านล้านหลัง เงินอุดหนุนชาวนา และโครงการไม้มีค่า 2.แก้ไขเรื่องที่ประชาชนต้องการ เช่น หาบเร่แผงลอย เศรษฐกิจกลางคืน การประมงพื้นบ้าน การท่องเที่ยวชุมชนและร้านค้าโชห่วย 3.การเพิ่มเติมประเด็นที่ประชาชนเรียกร้อง เช่น โครงการหยุดพักชำระหนี้กองทุนหมู่บ้าน โครงการมารดาและเด็กประชารัฐม โครงการส.ป.ก.4.0 โครงการทำงานกับผู้พิการ และโครงการลดภาษี 10 เปอร์เซ็นต์
สำหรับนายศุภชัย กล่าวว่า ข้อดีของการยึดอำนาจที่ผ่านมา ทำให้พรรคเราได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อสอบถามและศึกษาสภาพปัญหาของประเทศ พบว่าประชาชนยังคมมีปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตร และการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดที่ผ่านๆมาก็ใช้วิธีการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรเพื่อแก้ไขปัญหา ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ยั่งยืนและใช้งบประมาณมากมาย ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนนั้นคือต้องออกกฎหมายบังคับใช้เรื่องราคาหลักของสินค้าเกษตรที่จะต้องใช้วิธีการแบ่งปันกำไร นำเรื่องอ้อยมาเป็นต้นแบบ โดยเราจะเสนอพ.ร.บ.แบ่งปันผลประโยชน์ในพืช เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา เป็นต้น
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจพรรคอนาคตใหม่มี 4 ข้อคือ ปลดหนี้ เพิ่มรายได้ กระจายงาน และสร้างโอกาส การแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เราต้องทำเพื่อให้ประเทศพ้นกับดัก ที่ผ่านมารัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ใช้เงินประกันราคาข้าวเพียงอย่างเดียว แทนที่จะทำเรื่องการเกษตรก้าวหน้า และแปรรูปสินค้าเกษตรกรรม พรรคเราจึงขอเสนอการสร้างอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจภายในประเทศ ลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม ทำหวยบนดิน เก็บภาษีที่ดิน ทำรัฐสวัสดิการแก้ไขปัญหาปากท้อง และมีธนาคารท้องถิ่นเพื่อให้ผู้ประกอบการายย่อยได้กู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ อย่างไรก็ตามยืนยันว่านโยบายของพรรคสามารถทำได้ทันทีหากเป็นรัฐบาล แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และยุทธศาสตร์ชาติถือเป็นมรดกบาปของคณะรักษาความสงบแห่งขาติ (คสช.) ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบริหารประเทศได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของพรรคในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายวิรัตน์ กล่าวว่า 5 ปีการยึดอำนาจ เราไม่ควรจะยอมรับ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพราะตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมาเราได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่มีความลำบากมากขึ้น เศรษฐกิจรวมกระจุกอยู่กลุ่มเดียว แต่จนกระจาย เพราะเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล ดังนั้นเราต้องปฏิรูปเพื่อประชาชน นโยบายของเราก็คือหยุดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ หยุดคอร์รัปชั่น หยุดยาเสพติด หยุดเผด็จการด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปทหารและหยุดไฟใต้.
ทั้งนี้นายกิตติรัตน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเชื่อว่าเมื่อมีการเลือกตั้ง การเจรจาด้านการค้าโดยเฉพาะระหว่างประเทศจะกลับมา เราต้องลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดูแลเรื่องกำลังซื้อของประชาชน ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลก็มีความสำคัญ หากใช้จ่ายถูกต้องก็จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจได้ ซึ่งไม่ใช่แค่การใช้เงินอัดฉีดไปทั้งหมด แต่ต้องทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีรายได้มากขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน เราต้องเพิ่มรายได้ให้คนจนและลดรายจ่ายให้เขา ขยายโอกาสให้ทุกคน พรรคเพื่อไทยมีนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยจะขับเคลื่อนทุกด้าน
ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือไม่ แต่ข้อดีคือบังคับให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชน ทั้งนี้ตนคิดว่าวิธีการประกันรายได้ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความยากจน เราต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม การบริการ และภูมิศาตร์ สำหรับเรื่องที่ต้องทำทันทีหากได้เป็นรัฐบาลคือ เรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการคมนาคมที่ต้องร่วมกันลงทุน ไม่ใช่เราจ่ายเงินเพียงฝ่ายเดียว เพราะจะสุ่มเสี่ยงต่อความเสียหาย การแก้ไขปัญหาการผูกขาดนายทุนใหญ่ ซึ่งรัฐบาลอย่ารีบต่อสัญญาดิวตี้ฟรี ต้องมีการเพิ่มเบี้ยประชารัฐ การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ พัฒนาการศึกษา ดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิด
ขณะที่นายกอบศักดิ์ กล่าวว่าหากพรรคได้เป็นรัฐบาลมี 3 เรื่องที่ต้องทำเร่งด่วนคือ 1.สานต่องานที่ประชาชนชอบ เช่น บัตรประชารัฐ บ้านล้านหลัง เงินอุดหนุนชาวนา และโครงการไม้มีค่า 2.แก้ไขเรื่องที่ประชาชนต้องการ เช่น หาบเร่แผงลอย เศรษฐกิจกลางคืน การประมงพื้นบ้าน การท่องเที่ยวชุมชนและร้านค้าโชห่วย 3.การเพิ่มเติมประเด็นที่ประชาชนเรียกร้อง เช่น โครงการหยุดพักชำระหนี้กองทุนหมู่บ้าน โครงการมารดาและเด็กประชารัฐม โครงการส.ป.ก.4.0 โครงการทำงานกับผู้พิการ และโครงการลดภาษี 10 เปอร์เซ็นต์
สำหรับนายศุภชัย กล่าวว่า ข้อดีของการยึดอำนาจที่ผ่านมา ทำให้พรรคเราได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อสอบถามและศึกษาสภาพปัญหาของประเทศ พบว่าประชาชนยังคมมีปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตร และการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดที่ผ่านๆมาก็ใช้วิธีการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรเพื่อแก้ไขปัญหา ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ยั่งยืนและใช้งบประมาณมากมาย ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนนั้นคือต้องออกกฎหมายบังคับใช้เรื่องราคาหลักของสินค้าเกษตรที่จะต้องใช้วิธีการแบ่งปันกำไร นำเรื่องอ้อยมาเป็นต้นแบบ โดยเราจะเสนอพ.ร.บ.แบ่งปันผลประโยชน์ในพืช เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา เป็นต้น
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจพรรคอนาคตใหม่มี 4 ข้อคือ ปลดหนี้ เพิ่มรายได้ กระจายงาน และสร้างโอกาส การแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เราต้องทำเพื่อให้ประเทศพ้นกับดัก ที่ผ่านมารัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ใช้เงินประกันราคาข้าวเพียงอย่างเดียว แทนที่จะทำเรื่องการเกษตรก้าวหน้า และแปรรูปสินค้าเกษตรกรรม พรรคเราจึงขอเสนอการสร้างอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจภายในประเทศ ลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม ทำหวยบนดิน เก็บภาษีที่ดิน ทำรัฐสวัสดิการแก้ไขปัญหาปากท้อง และมีธนาคารท้องถิ่นเพื่อให้ผู้ประกอบการายย่อยได้กู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ อย่างไรก็ตามยืนยันว่านโยบายของพรรคสามารถทำได้ทันทีหากเป็นรัฐบาล แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และยุทธศาสตร์ชาติถือเป็นมรดกบาปของคณะรักษาความสงบแห่งขาติ (คสช.) ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบริหารประเทศได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของพรรคในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายวิรัตน์ กล่าวว่า 5 ปีการยึดอำนาจ เราไม่ควรจะยอมรับ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพราะตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมาเราได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่มีความลำบากมากขึ้น เศรษฐกิจรวมกระจุกอยู่กลุ่มเดียว แต่จนกระจาย เพราะเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล ดังนั้นเราต้องปฏิรูปเพื่อประชาชน นโยบายของเราก็คือหยุดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ หยุดคอร์รัปชั่น หยุดยาเสพติด หยุดเผด็จการด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปทหารและหยุดไฟใต้.