'จตุพร'ปราศรัยปลุกมวลชนเอา'ประยุทธ์'กลับบ้าน
การเมือง
ทั้งนี้ก่อนการปราศรัยนายจาตุพร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมเดินสายช่วยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หาเสียง 4 ภาค ว่า รู้สึกแปลกใจการทำหน้าที่ของ กกต. ที่ออกมาบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปช่วยหาเสียงได้ ขณะที่สมาชิกพรรคพปชร. ออกมาดีใจ ตนเห็นว่าเป็นการเมืองที่แปลกประหลาดมากที่สุด แทนที่กกต. จะวินิจฉัยเรื่องการเป็นเจ้าที่รัฐของพล.อ.ประยุทธ์ก่อน หากวันนี้ แม้พล.อ.ประยุทธ์จะลาออกจากตำแหน่งก็สายไป เพราะการกระทำผิดสำเร็จแล้ว การที่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นบุคคลสาธารณะ ตนอยากถามว่าเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ เพราะสามารถออกคำสั่งให้ข้าราชการปฏิบัติตามได้ วันนี้สังคมไทยกำลังสับสน ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า หากพรรคพปชร.แพ้การเลือกตั้ง ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าแพ้แน่นอน เงื่อนไขการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของพล.อ.ประยุทธ์จะถูกหยิบยกให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ การเขียนรัฐธรรมนูญเหมือนกับติดกับตัวเอง ปล่อยให้การเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.แล้วเสร็จ แต่สุดท้ายก็เป็นโมฆะ กกต. ก็ติดคุก ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
ต่อมา เวลา 18.30 น. นายจตุพร ขึ้นกล่าววปราศรัยว่า วันนี้ตนมาขอเสียงพี่น้องให้เลือกพรรคเพื่อชาติ เพื่อเอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับบ้าน ในเมื่อเอาทักษิณ กลับบ้านไม่ได้แต่เอาประยุทธ์ กลับบ้านได้ สถานการณ์ปัจจุบันอยากจะสืบทอดอำนาจ แต่ไม่ยอมลาออกจากนายกฯ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาอยู่ในบัญชีนายกฯ พอใครไปบอกว่ากฎหมายห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ตอบ แต่ให้ลิ่วล้อมาตอบว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐแต่เป็นบุคคลสาธารณะ ซึ่งบุคคลสาธารณะที่ไหนออกมาตรา 44 ได้ ออกคำสั่งได้ บริหารราชการแผ่นดินได้ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากของฝ่ายประชาธิปไตย เมื่อถึงโค้งสุดท้าย อีก 3 สัปดาห์ ก่อนการเลือกตั้ง ฝ่ายที่ต้องการสืบทอดอำนาจเขารู้ว่าถ้าไม่จัดการฝ่ายประชาธิปไตย พรรคพลังประชารัฐ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับที่สุด วันนี้จึงต้องปลุกวาทกรรมสร้างความขัดแย้งใหม่
“วิธีที่เขาจะทำให้มวลชนกลับมาเลือก คือเสื้อแดงเผาบ้านเผ้าเมือง คนไทยจะเลือกข้างไหนระหว่างระบอบทักษิณกับประเทศไทย พอเราออกไปบอกว่าระบอบทักษิณ ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นอดีตนายกฯที่ถูกยึดอำนาจ ประเทศไทยเป็นอาณาจักร จะเอามาแข่งกันได้อย่างไร เพราะทุกคนรักประเทศไทย เลือกข้างประเทศไทยอยู๋แล้ว เขารู้ว่าการเดิมพันระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ฝ่ายเผด็จการไม่เคยชนะฝ่ายประชาธิปไตยในการเลือกตั้งแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงรู้ตัวว่าจะแพ้อย่างราบคาบ เมื่อวานนายสุเทพ บอกว่าเราจะเอาทักษิณหรือไม่เอาทักษิณ ทั้งที่วันนี้ทักษิณไม่ได้อยู่ประเทศไทย มา12 ปีแล้ว วันนี้ความจริงเรื่องเดียวคือเอาประยุทธ์หรือไม่เอาประยุทธ์ เท่านั้น” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวต่อว่า วันที่ 7 มี.ค.นี้ จะมีการตัดสินว่าจะยุบพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่ ก็ไม่รู้ว่ามีอีกกี่พรรคต้องเข้าลานประหารนี้ วันนี้จะเลือกตั้งบอกจะแก้ไขความขัดแย้ง แต่ 5 ปีที่ผ่านมา ไม่รู้เอาเวลาไปทำอะไรอยู่ แต่ละฝ่ายต้องการให้บ้านเมืองไปข้างหน้า หวังว่าเมื่อคืนอำนาจให้ประชาชนบ้านเมืองจะไปต่อได้ เพราะวันนี้ทุกฝ่ายลำบากกันไปหมด แต่มีพวกเดียวที่ไม่เดือดร้อน และเข้าใจว่านี่คือผลงาน คือบัตรคนจน เพื่อให้คนจนลืมไปว่าที่จนเพราะเผด็จการ 5 ปี บ้านเมืองจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ขอให้คนไทยคิดช้าๆ หน้าที่ของพรรคเพื่อชาติคือทำให้คนไทยหายจน ไม่ใช่มีบัตรคนจน
นายจตุพร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เรายังต้องเผชิญกับส.ว. 250 คน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปเชิญคนที่เป็นกลางทางการเมืองมากที่สุดมาเป็นประธานกรรมการสรรหา นั่นคือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำให้เป็นศึกที่ยากลำบากมาก ดังนั้น ฝ่ายประชาธิปไตยมีภารกิจคือครึ่งหนึ่งของสภาคือ 375 เสียง ส.ว.แต่งตั้ง 250 เสียง หาอีกแค่ 126 เสียง เขาก็ได้เป็นนายกฯ จึงขอให้ประชาชนตั้งเป้าให้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยต้องการ 376 เสียง เราต้องคิดอย่างเบ็ดเสร็จว่าวันที่ 24 มี.ค.นี้ ต้องเลือกฝ่ายประชาธิปไตยให้ท่วมท้น ชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเกิน 376 ที่นั่งไปเลย หากพี่น้องเลือกพรรคเพื่อชาติไม่ใช่การตัดคะแนนกัน แต่เป็นการเพิ่มคะแนนให้ฝ่ายประชาธิปไตยเดินไปถึง 376 เสียง และเราจะไม่เจอพล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไป ทุกวันนี้นายสุเทพ ขึ้นเวทีปราศรัยบรรยากาศเหมือนเวทีกปปส. ประกาศจะได้ 4 ล้านเสียง เอาเป็นว่าเราไม่ประมาทนายสุเทพ แต่ขอให้พวกเราชนะนายสุเทพก็พอ ดังนั้น วันที่ 24 มี.ค. ขอให้พี่น้องช่วยกันเช็คบิลเผด็จการ ทายาทเผด็จการ และสมุนเผด็จการ เมื่อปี 2554 เคยชนะอย่างไร วันที่ 24 มี.ค.ก็ขอให้ชนะอย่างนั้น ประชาธิปไตยจงเจริญ เผด็จการจงพินาศ