ข่าวพท.ลั่น6เดือนพลิกฟื้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้-หยุดรีดภาษีปชช. - kachon.com

พท.ลั่น6เดือนพลิกฟื้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้-หยุดรีดภาษีปชช.
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย มีการแถลงนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการใน 30 วัน 100 วัน และ 180 วันหากได้เป็นรัฐบาล โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ ในนามพรรคเพื่อไทย  ทั้งนี้ มีแกนนำพรรคและผู้สมัครส.ส.ของพรรคเข้าร่วมรับฟังอย่างคึกคัก 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราให้คำมั่นว่าสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ภายใน 180 วัน เราจะไม่ยอมให้ประชาชนต้องทุกข์ร้อนต่อไป เราจะทำทันทีด้วยการ “ปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้างเศรษฐกิจใหม่” เริ่มจากการตรวจโรคใน 30 วันแรก จะต้องสำรวจตรวจสอบความเสียหายจากโครงสร้างที่บิดเบี้ยวที่ทำให้เศรษฐกิจเบี้ยวไปด้วย ทั้งการตรวจสภาพหนี้ของรัฐบาล การใช้ทรัพยากรของรัฐที่ไม่เกิดประโยชน์ ตรวจสอบกฎหมายที่ทำให้เกิดความเสียหายต่างๆ อาทิ ร่าง พระราชบัญญัติความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รวมถึงข้อตกลงต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคนไทย เช่น เรื่องการประมง ส่วนระยะที่สอง คือการรักษาแผลของประเทศภายใน 100 วัน โดยเริ่มจากการปรับหนี้และเพิ่มรายได้ เราต้องอัดน้ำเกลือให้ประชาชน เอาหนี้มาพักให้เขาลุกขึ้นได้ ด้วยการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ช่วยปรับโครงสร้างหนี้เอสเอ็มอีหรือธุรกิจรายย่อย ปรับหนี้ครูและหนี้ของนักเรียนที่กู้กยศ. แล้วตั้งสถาบันพัฒนารายได้ทุกจังหวัดให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย จะมีทุนให้กู้เบื้องต้นรายละ 5 ล้านบาท รวมถึงเร่งขยายศักยภาพสินเชื่อธุรกิจรายย่อย ขยายเพดานวงเงินจาก 50,000 บาทเป็น 100,000 บาท พร้อมทั้งจะมีการปรับเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำ 15% แบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการ และจะมีมาตรการช่วยเหลือ เช่น ลดภาษีนิติบุคคล และสุดท้ายสนับสนุนเงินทุนในการพัฒนาการผลิตให้เกษตรกร เช่น สนับสนุนต้นทุนการผลิตให้ชาวนา 5,000 บาทต่อเกวียน ไม่เกิน 15 เกวียน หรือ 75,000 บาทต่อราย 
    


คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับระยะที่ 3 คือการให้วัคซีนเพื่อไม่ให้กลับมาป่วยอีกใน 180 วัน ด้วยการเร่งทลายอุปสรรคจากกฎหมายที่ล้าหลังเป็นอุปสรรคต่อการทำกิน เพื่อสร้างโอกาสให้เกิดธุรกิจใหม่ ต้องทำให้การดำเนินการต่างๆ สะดวกขึ้น เช่น การทำคราฟเบียร์หรือสุรากลั่นชุมชน รวมถึงต้องเจรจาการค้าเสรีระหว่างประเทศ สิ่งนี้คือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย รวมถึงต้องหยุดการรีดภาษีจากประชาชน และให้สิทธิพิเศษนอกอีอีซี ด้วยการปรับลดภาษีให้เอสเอ็มอีรายย่อยที่ยอดขายไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีเป็นภาษีเหมาจ่ายเพียง 1% ยกเว้นภาษีออนไลน์ 2 ปี งดเว้นภาษีให้กับสินค้าและบริการที่มีชื่อว่า “ไทยทำ” แล้วพรรคเพื่อไทยจะนำสินค้าเหล่านี้ไปขายในต่างประเทศ รวมถึงสตาร์ทอัพเราก็จะงดเว้นภาษีให้ 2 ปีเช่นกันเพื่อให้เขาตั้งตัวได้ก่อน เพราะเราต้องเดินเศรษฐกิจ 2 ขา ทั้งรับการลงทุนจากต่างประเทศ และเพิ่มศักยภาพภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม เรามีเป้าหมายเรื่องราคาเกษตรโดยตั้งเป้าให้ราคาข้าวขาว 5% ราคาอย่างน้อย 10,000 บาทต่อเกวียน ข้าวหอมมะลิ 15,000 บาทต่อเกวียน ยางพารากิโลกรัมละ 60 บาทขึ้นไป อ้อยกิโลกรัมละ 100 บาทขึ้นไป ปาล์มกิโลกรัมละ 4.5 บาทขึ้นไป และข้าวโพดกิโลกรัมละ 7 บาทขึ้นไป พรรคเพื่อไทยรู้กลไกที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง ราคาสินค้าเกษตรต้องกลับมาดีภายใน 180 วัน นอกจากนี้ เราจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรป้อนโลกให้ได้ และเกษตรกรจะเป็นผู้กำหนดราคา เราจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี และมีกองทุนปรับหน้าดินให้เกษตรกรด้วย 
 
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า เราต้องเตรียมความพร้อมให้เด็กไทยที่กำลังจะจบ โดยจะมีกองทุนเสริมสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่(เถ้าแก่ใหม่) ทั้งในกทม.และภูมิภาค ศูนย์นี้จะต้องทำคอนแท็กกับมหาวิทยาลัยดังทั่วโลก ดึงองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยต่างๆ มาช่วย พร้อมกับหาเงินทุนให้ด้วย และหากธุรกิจสตาร์ทอัพใดที่รัฐเห็นว่ามีประโยชน์ต่อรัฐ รัฐอาจจะเข้าไปร่วมลงทุนด้วย ต่อมาคือกองทุนคนเปลี่ยนงาน ที่จะให้ทั้งเงินทุน ทักษะ และความรู้ให้คนที่ต้องการเปลี่ยนงาน วันนี้หลายพรรคพูดเรื่องสวัสดิการต่างๆ เราไม่ขัด แต่สิ่งที่เราคิดต่างคือ เราไม่คิดแต่แจกเงิน แต่เราคิดถึงการสร้างรายได้ด้วย เราจะไม่แก้หนี้ด้วยหนี้ แต่เราจะแก้หนี้ด้วยรายได้ เชื่อว่าเราจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป3.



ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่เป็นหนี้ และคนตัวเล็กไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ เราจำเป็นต้องสร้างโอกาสในการทำธุรกิจ ก่อนปี 2554 เราเคยใช้นโยบายเศรษฐกิจ 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง แต่วันนี้เราต้องใช้นโยบาย 4 ปีซ่อมและสร้างไปพร้อมๆ กัน เศรษฐกิจไทยปัจจุบันเหมือนติดหล่ม ต้องใช้รถโฟร์วิลไดร์พาประเทศออกจากหล่ม ล้อแรกจะเน้นการขับเคลื่อนการส่งออกและการท่องเที่ยว ล้อที่ 2 คือการส่งเสริมการลงทุน หัวใจสำคัญคือความเชื่อมั่น หลังการเลือกตั้งเราต้องเรียกความเชื่อมั่นจากนักลุงทน ล้อที่ 3 คือกระตุ้นการบริโภคในประเทศ จำเป็นต้องสร้างรายรับให้กับประชาชนคือ การเพิ่มราคาสินค้าการเกษตร และ ล้อที่ 4 คือกระตุ้นการลงทุนภาครัฐ ดังนั้น ในภาพรวมเราจะเพิ่มรายได้ประชาชนทั้งเรื่องของสตรีทฟู้ต การค้าขายออนไลน์ โอท็อป ทำสินค้าให้มีคุณภาพ ต้องเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวให้ได้ 3.3 ล้านล้านบาทให้ได้ใน 4 ปี โดยหาจุดแข็งของแต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่ ที่สำคัญคือ การผลักดันการค้าออนไลน์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงลดอุปสรรคจากหน่วยงานราชการ เช่น การขออนุญาตต่างๆ สุดท้ายคือเรื่องภาษี ต้องเก็บภาษีบริษัทให้สมเหตุสมผล เราต้องแก้ที่รากของปัญหา แจกโอกาสให้ประชาชน พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะซ่อมและสร้างใน 4 ปี ข้างหน้านี้.