ข่าวดักคอกกต.ไม่ชี้คุณสมบัติให้ชัด ระวังเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ - kachon.com

ดักคอกกต.ไม่ชี้คุณสมบัติให้ชัด ระวังเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ มีกำหนดการเดินสายหาเสียงช่วยพรรคพลังประชารัฐ โดยอาจจะขึ้นเวทีปราศรัยด้วยว่า การปราศรัยพบปะพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่ควรกระทำ รวมถึงการดีเบตด้วย การที่พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจขึ้นเวทีปราศรัยถือเป็นเรื่องดี ส่วนตัวไม่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นแต่เวทีปราศรัย อยากให้ขึ้นเวทีดีเบตด้วย เพราะอย่างน้อยจะได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า 4 ปีจากนี้ไปหากท่านเข้ามาเป็นผู้นำประเทศจะนำพาประเทศไปอย่างไร และที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุเกี่ยวกับการเป็นเจ้าที่รัฐของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ขณะนี้ยังมีข้อโต้แย้งว่าควรจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ยาก หากพล.อ.ประยุทธ์มั่นใจก็ออกมาอธิบายด้วยตัวเองเลยว่าเป็นหรือไม่เป็น ใช่หรือไม่ใช่ หากมีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญก็ควรจะตัดสินใจทำให้ทุกอย่างชัดแจ้งขึ้นก็จะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ควรจะเร่งชี้คุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า กกต.มีหน้าที่ทำให้ทุกอย่างชัดเจน หากปล่อยให้การเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้วมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา กกต.อาจกลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายได้ ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อชาติ ตั้งข้อสังเกตว่า หากพรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้ง จะมีการหยิบยกประเด็นเรื่องคุณสมบัตินี้มาร้องกกต.จนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายมากหากจะใช้ประเด็นนี้เพื่อขัดขวางผลการตัดสินใจของคนทั้งประเทศ จะทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกอย่างรุนแรง จริงๆ ไม่ควรต้องไปถึงขนาดนั้น  กกต.สามารถทำให้ทุกอย่างชัดเจนได้ หากกกต.จะชี้ว่าไม่ผิดคุณสมบัติอะไรก็ชี้ออกมา อะไรที่ผิดพลาดไปกกต.จะได้เป็นคนรับผิดชอบ เพราะถือเป็นหน้าที่โดยตรงของกกต.อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นอาจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้

สำหรับกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่า การเป็นนายกฯ ถือเป็นข้าราชการการเมืองที่ได้รับการยกเว้น แต่ตำแหน่งหัวหน้าคสช.ต้องมีการวินิจฉัยนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องเอาให้ชัดว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นนายกฯ เป็นครม.หรือไม่ เรื่องนี้มีทั้งเรื่องของกฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่จำเป็นและเหมาะสม หากจะทำหน้าที่เป็นรัฐบาลรักษาการก็ทำได้ แต่อย่าใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายคน อย่าใช้อำนาจในการใช้งบประมาณแผ่นดิน หากยังทำแบบนั้นได้แล้วมาอ้างว่าเป็นนายกฯ ชุดพิเศษแบบนี้เหมือนเป็นคนเอาเปรียบ เพราะวันนี้ก็เอาเปรียบคนอื่นมามากแล้ว ทั้งการกำหนดคนมาเลือกส.ว. แถมยังเอาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหม มาเป็นประธานกรรมการสรรหาบุคคลให้คสช.เลือกเป็นส.ว. ซึ่งยังมีปัญหาตามข้อกฎหมายว่าท่านเป็นกลางเพียงพอหรือไม่ วันนี้ทำทุกอย่างเป็นสิ่งอึมครึมไปหมด ทำให้กระบวนการเลือกตั้งรู้สึกอึมครึมไม่ชัดเจนทั้งสิ้น ทั้งที่ท่านก็ได้เปรียบมากอยู่แล้ว ขอให้ทำทุกอย่างให้โปร่งใสจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย และหลังจากนี้ไปหากท่านชนะเลือกตั้งก็จะสง่างาม 

ส่วนจะให้กกต.ตรวจสอบเรื่องความเป็นกลางของคณะกรรมการที่จะมาทำหน้าที่สรรหาส.ว.หรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาตามข้อกฎหมาย ขณะนี้เท่ากับว่าคสช.ไปตั้งพล.อ.ประวิตรซึ่งเป็นคสช.และรองนายกฯ มาเป็นกรรมการสรรหา ซึ่งเจตนารมย์เขาต้องการได้คนกลางเข้ามาตัดสินเพื่อให้เที่ยงธรรม และเกิดประโยชน์ต่อสาธารณะและประเทศ ขณะที่พล.อ.ประวิตรเองก็ทำให้หลายเรื่องอึมครึมมากพออยู่แล้ว อย่าทำเรื่องนี้ให้อึมครึมเพิ่มเลย ดังนั้น อยากให้ท่านชัดเจน ใครจะเป็นกรรมการก็ไม่อยากให้เป็นความลับ จะประชุมกันที่ไหนก็พยายามทำให้ชัด ให้ทุกคนได้เห็นว่าท่านกำลังทำหน้าที่เป็นกลางในการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นส.ว.ซึ่งสำคัญมาก เพราะมีบทบาทในการเลือกนายกฯ ด้วย เมื่ออึมครึมก็ทำให้คิดได้ว่าท่านกำลังปกปิดอะไร หรือมีอะไรที่ไม่อยากให้ใครรับรู้ ทั้งนี้ ทั้งพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรเป็นชายชาติทหาร ท่านต้องสง่างาม ทำอะไรให้ชัดเจน อย่าให้เกิดข้อครหาหรือครางแคลงใจ ทุกคนก็จะสบายใจ การเลือกตั้งก็จะเดินไปแบบที่ทุกคนสบายใจทั้งหมด.