ข่าว'พลท.'เชือด4ผู้สมัครส.ส.หลังรวมตัวใส่ร้ายพรรคให้เงิน2ล้าน - kachon.com

'พลท.'เชือด4ผู้สมัครส.ส.หลังรวมตัวใส่ร้ายพรรคให้เงิน2ล้าน
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายนิคม  บุญวิเศษ  หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย พร้อมด้วยตัวแทนพรรค ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงกกต. เพื่อแจ้งมติคณะกรรมการบริหารพรรคที่ให้นายสุบัน สุวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สงขลา, พ.ต.ท.หญิงศิวนาถ พวงแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 นครพนม,นายชัยพร ชัยฤทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช และ น.ส.อติกานต์ สัตย์แสง  ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 สุรินทร์ พ้นจาการเป็นสมาชิกพรรค และพ้นจาการเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค  รวมทั้งยื่นเรื่องชี้แจงว่ากรณีบุคคลทั้ง 4 กล่าวหาว่าพรรคหลอกลวง ต้มตุ๋น ว่าจะให้เงิน 2 ล้านบาทแก่ผู้สมัครเพื่อให้มาลงเป็นผู้สมัครของพรรคนั้น ไม่เป็นความจริง ถือเป็นการใส่ร้ายป่ายสีพรรค และพร้อมที่จะดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 4 ด้วย 



โดยนายนิคม กล่าวว่า พรรคพลังปวงชนไทยเป็นพรรคใหม่ ซึ่งทุกคนที่เข้ามาต่างมีอุดมการณ์เดียวกันที่จะเสียสละมีจิตอาสา ไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์และผลกำไร พรรคเราไม่ใช่พรรคที่ถูกนายทุนครอบงำหรือชี้นำ  การที่มีสมาชิกพรรคบางส่วนมาร้องกกต.ด้วยการอ้างว่าพรรคจะให้การช่วยเหลืออาจเป็นความเข้าใจผิด เพราะในช่วงแรก ๆ ทางกกต. ระบุว่าผู้สมัครสามารถใช้จ่ายในการเลือกตั้งได้ไม่เกิน 2ล้านบาท แต่ต่อมา กกต. ได้กำหนดให้ใช้ได้ไม่เกิน 1.5 ล้าน จึงอาจทำให้ผู้สมัครเข้าใจว่าเมื่อมาสมัครส.ส.กับพรรคแล้วจะได้เงิน ซึ่งในความจริงแล้วพรรคไม่เคยตกลงจะให้เงินจำนวน 2 ล้านบาท การที่มาอ้างว่าไมมีเงินใช้หนี้ แล้วมาร้องกกต. ถือว่าเป็นการกล่าวร้ายพรรค อย่างไรก็ตามพรรคเรามีผู้สมัคร 269 คน มีสมาชิกหลายหมื่นคน ทุกคนรักพรรค บางคนลงพื้นที่ด้วยเงินของตนเอง แต่มีเพียง 5-6 คนที่มาใส่ร้ายป้ายสี ดังนั้นคณะกรรมการบริหารพรรคจึงได้ประชุมหารือกรณีดังกล่าวซึ่งพบว่าผู้สมัครที่มาร้องกับกกต.ทำผิดจริยธรรมของพรรคจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและการเป็นผู้สมัครของพรรค  รวมทั้งจะมีการดำเนินคดีต่อไป

นายนิคม ยังกล่าวอีกว่า ก่อนที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะมาร้องกกต. ก็ได้ไปเข้าพบ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งท่านให้ทั้ง 4 คนได้เข้าพบ และสอบถามปัญหา รวมทั้งบอกให้ใจเย็นรอสักอาทิตย์หนึ่งเพราะพรรคกำลังหาทางช่วยเหลืออยู่แต่ทั้งหมดก็มาร้องให้ยุบพรรค ซึ่งถือเป็นการทำผิดซ้ำซาก ไม่ขยันหาเสียง พรรคทำป้ายไว้ให้ก็ไม่ไปรับ พร้อมยืนยันว่าพรรคไม่ได้ซื้อตัวมาลงสมัครรับเลือกตั้งแต่พรรคมีกระบวนการสรรหาผู้สมัคร และไม่น่าจะเกิดจากการที่พรรคไม่เสนอชื่อพล.อ.ชัยสิทธิ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค แต่ก็เข้าใจว่าการที่เราเชิญพล.อ.ชัยสิทธิ์มาเป็นประธานที่ปรึกษาก็อาจทำให้เขาเข้าใจว่าท่านมาแล้วจะมีเงินมาให้ หรือสนับสนุนพรรคซึ่งไม่เป็นความจริง.