ข่าวกกต.แจงบินดูงานเลือกตั้งตปท.เป็นไปตามกฎหมาย - kachon.com

กกต.แจงบินดูงานเลือกตั้งตปท.เป็นไปตามกฎหมาย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)  ทางสำนักงาน กกต. ออกเอกสารชี้แจงถึงกรณีที่ปรากฎตามข่าวถึง ประเด็นที่ กกต.ทุ่มงบประมาณ 12 ล้านบาท เพื่อเดินทางไปดูงานการใช้สิทธิเลือกตั้งของคนไทยในต่างประเทศ หรือการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร โดยที่ กกต.จะไม่มีการประชุมพิจารณาเรื่องสำคัญต่างๆเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ ว่า  ในการดำเนินการจัดการออกเสียงลงคะแนนนอกราชอาณาจักรนั้น ทาง กกต. ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานสนับสนุนในการบริหารจัดการพร้อมทั้งได้โอนงบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการทั้งหมดให้  และกำหนดให้เอกอัครราชทูตเป็นผู้มีอำนาจในการดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงลงคะแนนระหว่างวันที่ 4 – 16 มี.ค.นี้ โดยกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือเชิญ กกต. ไปตรวจติดตามภารกิจดังกล่าวในประเทศที่มีชุมชนคนไทยอยู่หนาแน่นและมีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิมาก

ซึ่งทาง กกต. เห็นว่าการไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นอำนาจของ กกต. ในการควบคุม ดูแลการดำเนินการของกระบวนการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรทั้งหมด เพื่อให้ความมั่นใจว่า การดำเนินการจัดการเลือกตั้งในต่างประเทศจะเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม โดยหาก กกต. พบเห็นการกระทำใดอันอาจเป็นเหตุให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถใช้อำนาจสั่งระงับยับยั้ง แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการเลือกตั้ง หรือสั่งให้ดำเนินการเลือกตั้งใหม่ ตามมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 26 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. อีกทั้งจะได้นำผลการตรวจติดตามภารกิจมาใช้เป็นประโยชน์ในการปรับปรุง ปัญหา อุปสรรค ของการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในอนาคตต่อไปด้วย

ทั้งนี้ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หากกกต. มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องมีการประชุม ก็สามารถจัดให้มีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยในห้วงการเดินทางที่ผ่านมา ยังไม่มีประเด็นเร่งด่วนที่ กกต. จะต้องมีการประชุมเพื่อพิจารณาวินิจฉัยแต่อย่างใด  อย่างไรก็ตามขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะไปออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง ในต่างประเทศด้วยว่า กฎหมายได้กำหนดห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ตนได้ลงคะแนนแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.