ข่าวสธ.โชว์16ตำรับสมุนไพรไทยผสมกัญชารักษาโรค - kachon.com

เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 6 – 10 มี.ค.ภายใต้แนวคิด  “สมุนไพร นวดไทย อนาคตไทย” พร้อมมอบรางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ  พ.ศ.2562 แก่พ่อหมอเสริฐ ขาวอรุณ จังหวัดชุมพร ซึ่งรักษาคนไข้ทั้งโรคกระดูก อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคตา โรคสตรี งูกัด โรคซางในเด็ก ทั้งนี้ภายในงานได้มีการจัดให้ความรู้ทางการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก การให้คยามรู้ด้านสมุนไพรพร้อมจัดแสดงตัวอย่างสมุนไพรจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการแจกต้นสมุนไพรดูแลไต 300 ต้น/วัน แจกหนังสือบันทึกของแผ่นดินเล่มที่ 11 วันละ 200 เล่ม บริการตรวจ ปรึกษาสุขภาพฟรี

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ในช่วง 3 -4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะผลักดันและสนับสนุนสมุนไพรไทยก้าวสู่เวทีโลก เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย จะเห็นได้ว่าสมุนไพรไทยได้รับการพัฒนาตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้ามาดูเรื่องการปลูก มีการเลือกสมุนไพรตัวนำ เช่น ไพล กระชายดำ ใบบัวบก เป็นต้น เมื่อปลูกแล้วเอามาแปรรูป ซึ่งทุกภาคส่วนรวมถึงเอกชนก็ช่วยกัน เช่น เป็นสมุนไพรสำเร็จรูป ยา เครื่องสำอาง และออกไปสู่การพาณิชย์ ถ้านำไปสู่ความนิยมของคนในประเทศและต่างประเทศ คุณค่าสมุนไพรไทยก็จะมากขึ้น ส่วนกระทรวงสาธารณสุขก็ผลักดันให้การแพทย์แผนไทยเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลประชาชนทั้งประเทศ ใช้สมุนไพรในการรักษา เช่นฟ้าทะลายโจรใช้แทนยาปฏิชีวนะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้นำยาสมุนไพร 16 ตำรับที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบมาแสดงด้วย ย้ำว่ากัญชาเป็นทั้งสมุนไพรแต่ก็ยังเป็นยาเสพติดเช่นกัน ดังนั้น จะต้องนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการวิจัยทางการแพทย์และการรักษาพยาบาลเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อความบันเทิง

ภญ.สุภาภรณ์  ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ปัจจุบันกัญชากำลังถูกเบี่ยงเบนประเด็น นำความรวยความโลภมาเป็นตัวล่อและสร้างความเข้าใจผิดว่าปลูกกัญชาแล้วจะรวย แต่อยากให้คำนึงว่า 1. ปลูกในจำนวนมากจะรวยได้อย่างไร หากปลูกไม่มีคุณภาพจะใช้ได้ผลได้อย่างไร 2.กัญชาถูกสร้างให้มีภาพเกินจริงว่ารักษาได้ทุกโรค และ3.กลไกต่างๆ ที่จะมามีหลายมิติ จะเปิดว่าใครจะครอบครองเสรีก็ได้ แต่เรื่องการอบรม การใช้ประโยชน์ในการสร้างความรู้ต้องมี ต้องรู้ปริมาณการปลูก ใช้ประโยชน์อะไร ขณะที่ในทางการแพทย์มีตำรายาที่เข้ากัญชายาอยู่แล้วดังนั้นสมควรที่จะนำมาใช้ เพราะหากใช้กัญชาในปริมาณมากจะส่งผลให้เกิดอาการชัก  

“การปลูกอย่างเสรีไม่แน่ใจว่าจะควบคุมได้จริงหรือไม่  เพราะกระบวนการสกัดสาร สามารถทำให้มีสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทได้มาก หากไม่ควบคุมจะพบปัญหาใหม่ และสังคมไทยยังไม่เหมาะ ในอนาคตอาจถูกนำไปใช้ใส่เพื่อมอมเมาได้ เพราะกัญชาออกฤทธิ์ตั้งแต่ สบายใจ หลงลืมตัว และจำอะไรไม่ได้ ในขณะนี้รัฐทำถูกแล้ว แต่ต้องค่อยๆ ผ่อนไป ต้องให้ประชาชนเข้าถึง โดยให้เป็นสหกรณ์ ที่รวมตัวกันปลูกไปพร้อมความรู้และเทคโนโลยีปลูกอย่างไรให้ได้คุณภาพ มีโรงพยาบาลรับซื้อไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์มีการควบคุมคุณภาพ เพราะกัญชาเป็นยา หากได้คุณภาพที่เหมาะสมจะเกิดประโยชน์” ภญ.สุภาภรณ์  กล่าว

นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตำรับยาแผนไทยทั้ง 16 ตำรับที่มีส่วนผสมของกัญชาพร้อมใช้ทันทีหากร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. ... และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วย วิชาชีพการแพทย์แผนไทย ที่จะสามารถปรุงและสั่งจ่ายตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ได้ พ.ศ. ... ออกมาบังคับใช้ ทั้งนี้คาดว่าภายในวันที่ 27-28 มี.ค.จะสามารถอบรมครู ก เพื่อเป็นแกนนำอบรมรุ่นต่อไป ก่อนส่งรายชื่อให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่ใช้กัญชารักษาโรคได้.