ข่าวแกนนำทษช.เบรกมวลชนห้ามมาศาล!อ้างความเรียบร้อย - kachon.com

แกนนำทษช.เบรกมวลชนห้ามมาศาล!อ้างความเรียบร้อย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. สำหรับความเคลื่อนไหวพรรคไทยรักษาชาติ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติวันที่ 7มี.ค.โดยในช่วงเช้าวันเดียวกัน คณะกรรมการบริหารพรรค จะหารือร่วมกับประธานฝ่ายยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ฝ่ายกฎหมาย เพื่อสรุปประเด็นในขั้นสุดท้ายอีกครั้งว่า จะหยิบยกประเด็นใดบ้างมาแถลงต่อศาล ซึ่งเบื้องต้นทางพรรคมอบหมายให้ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นผู้แถลงปิดคดีด้วยวาจา  โดยตัวแทนของพรรคไทยรักษาชาติที่จะเข้าร่วมรับฟังคำตัดสินศาล จำนวน 6 คน ประกอบด้วย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทย น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรค นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย กรรมการบริหาร นายสุรชัย ชินชัย และนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของพรรค 

ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ทวิตเตอร์ข้อความว่า “วันนี้จากภูเก็ต เข้ากรุงเทพ ไม่มีรายการหาเสียง พรุ่งนี้จะไปฟังคำตัดสินที่ศาลรัฐธรรมนูญ” 

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง พรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “พรุ่งนี้ 7 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ เวลา 15.00 น. กรรมการบริหารพรรค แกนนำบางส่วน และทีมกฎหมาย จะไปฟังที่ศาล ตนแจ้งให้หัวหน้าทีมรณรงค์ทั้ง 7 ชุด บอกผู้สมัครทุกเขตและทีมงานในพื้นที่ติดตามข่าวสารที่บ้านหรือศูนย์ประสานงาน ช่วงเวลาอ่านคำวินิจฉัยจะไม่มีกิจกรรมรณรงค์ใดๆ ส่วนสมาชิกพรรคและพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุน ขอให้ติดตามข่าวที่บ้านเช่นเดียวกัน เพื่อความสะดวก เรียบร้อย และให้ความร่วมมือกับกระบวนการของศาล”

ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ตนจะเฝ้าติดตามอยู่ที่พรรค เนื่องจากทราบมาว่าศาลรัฐธรรมนูญได้จำกัดที่นั่งของผู้ที่จะเข้าร่วมการฟังคำวินิจฉัย ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตนไม่เดือดร้อน ยังจะทำหน้าที่ในการยื่นตรวจสอบต่อไป ยังจะตรวจสอบทหาร นักการเมือง ซึ่งยังทำได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องเป็นส.ส. สำหรับมวลชนที่นัดแนะอยากมาร่วมให้กำลังใจทางพรรคนั้น ไม่อยากให้เดินทางมาที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะจะดูไม่เรียบร้อย กลัวจะมีเรื่องแทรกซ้อน ซึ่งทางพรรคก็ระมัดระวังในเรื่องนี้ ควรรอฟังผลที่บ้าน ทั้งนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร อยากให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24มี.ค.เหมือนเดิม.