ข่าวปีนี้แล้งหนักมาก!วอนหยุดปลูกนาปรัง-ประหยัดน้ำ - kachon.com

ปีนี้แล้งหนักมาก!วอนหยุดปลูกนาปรัง-ประหยัดน้ำ
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานปล่อยขบวนคาราวานเครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ที่คาดว่าจะประสบภัยแล้ง โดยนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดี กรมชลประทาน กล่าวว่าเตรียมความพร้อมในการป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง ตามนโยบายของนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรฯที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันในการป้องกันและบรรเทาแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้น  ซึ่งเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยแล้งจัดการน้ำในพื้นที่เพียงพอต่อความต้องการ ยังเตรียมพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักร ในการช่วยเหลือหากเกิดภาวะขาดแคลนน้ำ เช่น รถบรรทุกน้ำและเครื่องสูบน้ำ เครื่องจักรกลอื่นๆ  โดยจัดส่งเพิ่มเติมจากส่วนกลาง เครื่องสูบน้ำจำนวน 1,935 เครื่อง รถสูบน้ำจำนวน 258 คัน เครื่องผลักดันน้ำจำนวน 527 เครื่อง รถขุดจำนวน 499 คัน เรือขุดจำนวน 69 ลำ รถบรรทุกจำนวน 511 คัน รถบรรทุกน้ำจำนวน 106 คัน รถแทรกเตอร์จำนวน 565 คัน เครื่องจักรกลสนับสนุนอื่นๆ อีก 373 เครื่อง และสะพานเหล็กแบบถอดประกอบได้ยาว 44 เมตร จำนวน 7 อัน พร้อมปฏิบัติการได้รวดเร็วทันที



ด้านนายถาวร จิระโสภณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มมีสภาพอากาศที่แล้งแห้ง และบางพื้นที่มีโอกาสเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ โดยลักษณะเช่นนี้จะทำให้ในช่วงเวลากลางวันอุณหภูมิสูงขึ้นและอากาศร้อนจัด ปริมาณน้ำทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำชลประทานลดน้อยลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นอกจากนี้ จากสภาวะดังกล่าวอาจทำให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้สัตว์น้ำที่เกษตรกรเลี้ยงไว้เกิดความเครียด อ่อนแอ และตายได้   ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น กรมประมงจึงได้จัดทำแผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้ง ประจำปี 2562 เพื่อให้สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ



ทั้งนี้มีการวางแผนการให้ความช่วยเหลือไว้ 3 ระยะ คือ 1.การเตรียมรับสถานการณ์ก่อนเกิดภัยแล้ง  2.การให้ความช่วยเหลือขณะเกิดภัยแล้ง  และ 3.การให้ความช่วยเหลือหลังเกิดภัยแล้ง  พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่
ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนแก่เกษตรกร
ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ รวมทั้งหาวิธีการป้องกัน แก้ไข และหลีกเลี่ยงความเสียหาย
ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำทางวิชาการแก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเตรียมการป้องกันอีกด้วย



ด้านนายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่าสภาพอากาศปีนี้จะร้อนมากร้อนนาน ภัยแล้ง จะมากกว่าทุกปี เรียกว่าแล้งผิดปกติ ซึ่งสมเด็จพระเทพฯทรงห่วงใยประชาชน เนื่องจากน้ำที่เก็บไว้ในเขื่อนไม่มาก โดยเฉพาะเขื่อนภาคอีสาน มีปริมาณน้ำน้อยมากจะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ส่วนภาคกลาง ภาคเหนือตอนบน เหลือน้ำในเขื่อนไม่มาก แต่ยังมีพอใช้ตลอดฤดูแล้งนี้ โดยรัฐบาลจะต้องเร่งช่วยเหลือบรรเทาภัยแล้งและแจ้งเตือนประชาชน เกษตรกร ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดให้ได้เห็นผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งการปลูกข้าวนาปรังใช้น้ำมากต้องหยุดปลูกเลยตอนนี้ จะไม่มีน้ำส่งไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวจะเสียหาย

นายสมิทธ กล่าวอีกว่า โอกาสเกิดฝนทิ้งช่วงมีถึง1-2 เดือน ในช่วงเดือนมิ.ย.และเดือน ก.ค. สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ประเทศไทยเกิดแล้งผิดปกติ เพราะเกิดปรากฏการณ์ความชื้นจากขั้วโลกเหนือ ไม่ลงมา ซึ่งมาจากการเคลื่อนตัวของบรรยากาศโลก มีการเปลี่ยนแปลง โดยทั่วโลกได้รับผลกระทบหมด เกิดสภาวะเอลณิโญ่ปานกลาง ไม่ใช่ประเทศไทยจะร้อนแล้งมากเท่านั้นเกิดทั่วทั้งแถบเอเซีย สภาพอากาศปีนี้ ลักษณะความชื้นอยู่ขั้วโลกเหนือไม่ลงมา ทำให้มวลอากาศเย็นไม่ลงประเทศจีน เกิดแล้งผิดปกติ เหมือนกับเราขาดน้ำเหมือนกัน ต้องใช้น้ำระมัดระวัง งดเพาะปลูก เก็บน้ำไว้บริโภค และไม่ควรทำนา จะเจอภาวะขาดน้ำ เพราะปริมาณน้ำในเขื่อน เก็บไว้น้อย เช่นภาคอีสาน ไม่มีน้ำตั้งแต่ปีที่แล้ว เขื่อนมีน้ำน้อย เช่นเขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำน้อยมาก 

"สมเด็จพระเทพฯทรงเป็นห่วงแล้งมากและนาน จากที่พระองค์ทรงเสด็จไปทรงงานในหลายจังหวัด ด้วยอากาศปีนี้ร้อนมากขึ้น เพราะไม่มีความชื้น การทำฝนหลวง ยิ่งไม่มีโอกาสเพราะความกดอากาศสูงไม่ลงมา โอกาสฝนตกน้อย ทำให้การเก็บน้ำในเขื่อนใหญ่มีน้อยมาก"นายสมิทธ กล่าว.