'หญิงหน่อย'เชื่อยุบทษช.คะแนนไม่เทให้ฝ่ายหนุนคสช.
การเมือง
เมื่อถามว่าโอกาสยากขึ้นหรือไม่ที่ฝั่งประชาธิปไตยจะมีคะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาลหลังพรรค ไทยรักษาชาติถูกยุบ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เชื่อว่าคะแนนจะไม่สวิงไปอยู่ที่ฝ่ายต่อท่ออำนาจคสช. ยังคงอยู่ในฝั่งประชาธิปไตย ส่วนจะไปอยู่ที่พรรคไหนตนไม่ทราบ ส่วนคะแนนจะมากพอหรือไม่เชื่อว่าประชาชนตัดสินใจไปแล้ว และคิดว่าไม่เกิดผลกระทบ พรรคก็จะทำเต็มที่ในส่วนของเรา และเราเชื่อมั่นในพลังของประชาชน เราคิดว่าประชาชนที่สนับสนุนฝั่งประชาธิปไตย ไม่ต้องการพล.อ.ประยุทธ์กลับมาจะยังไม่เปลี่ยนแปลง ขอให้ออกมาเลือกกันให้มากพอ ส่วนจะเลือกพรรคการเมืองไหน หากต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อก็ต้องระมัดระวัง เพราะบางพรรคชัดเจนแล้วว่าต่อท่ออำนาจให้พล.อ.ประยุทธ์ แต่บางพรรคยังไม่ทราบว่าจะสนับสนุนใคร ซึ่งในช่วงโค้งสุดท้ายขอให้แต่ละพรรคแสดงจุดยืนว่าจะสนับสนุน คสช.หรือไม่
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องปรับกลยุทธ์หาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายอย่างไรในเขตที่พรรคไทยรักษาชาติหายไป คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า คงไม่ต้อง ไม่เกี่ยวกัน ไม่ต้องปรับอะไรเลย เราก็เดินตามยุทธศาสตร์ของเรา ซึ่งเรายังเหลือแคมเปญช่วงโค้งสุดท้ายซึ่งเราก็จะเดินไปตามเดิม
เมื่อถามว่าสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ที่พร้อมจะเดินหน้าทางการเมืองต่อ ได้มีการประสานเข้ามาเพื่อขอเข้าร่วมงานกับทางพรรคเพื่อไทยหรือยัง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการคุยถึงเรื่องนี้ ขอให้เป็นอิสระ แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะตัดสินใจอย่างไร เราเองก็ก้มหน้าก้มตาทำงานกันต่อ
เมื่อถามว่าจะมีการชวนแกนนำพรรคไทยรักษาชาติมาช่วยหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ สุดารัตน์กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน เราต้องเคารพความคิดและสิทธิของแต่ละท่าน เราในฐานะเป็นนักการเมืองเหมือนกัน ให้กำลังใจกัน แต่การตัดสินใจของแต่ละท่านก็ต้องไปถามแต่ละท่านว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ในฐานะเพื่อนนักการเมือง เราก็ได้แต่ให้กำลังใจกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ออกมาระบุยุทธศาสตร์แตกแบงค์พันของพรรค ทำให้เสียไปหลายร้อย คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เป็นเพียงวาทกรรม ซึ่งตนได้ชี้แจงไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าทำไมส่ง ส.ส.ได้แค่นี้ เราก็เดินหน้าทำงาน
เมื่อถามว่าการยุบพรรคไทยรักษาชาติส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ทำให้ประชาชนตื่นตัวขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ได้ยินว่าประชาชนสนใจตื่นตัวว่ามีคดีนี้ ซึ่งการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับประชาชน.