ข่าวโค้งสุดท้าย!! ปชป.ชู10จุดเปลี่ยนศก.ไทย - kachon.com

โค้งสุดท้าย!! ปชป.ชู10จุดเปลี่ยนศก.ไทย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค ร่วมแถลงนโยบายเศรษฐกิจ โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตนำเสนอนโยบายแก้จนสร้างคน และฟื้นกำลังซื้อของคนส่วนใหญ่ ผ่านสวัสดิการต่างๆ ขณะที่พรรคอื่นๆ ก็มีความพยายามนำเสนอในเรื่องเดียวกันนี้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ประเทศไทยและเศรษฐกิจไทยได้เผชิญความท้าทายและติดกับดักรายได้ปานกลาง และพยายามถีบตัวเองให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง แต่ภาพรวมของประชาชนและสังคมภาพรวมไม่ตอบโจทย์หากจะไปถึงประเทศที่มีรายได้สูง เนื่องจากเทคโนโลยีที่มีความเปลี่ยนแปลง ที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของประเทศ รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นจึงต้องสร้าง 10 จุดเปลี่ยนวิธีการในการบริหารเศรษฐกิจ โดยยืนยันว่าระบบเศรษฐกิจต้องมีความสุจริต ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาตามอีกมากมาย 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จุดเปลี่ยนที่ 1.การสร้างดัชนีวัดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ที่สะท้อนคุณภาพเศรษฐกิจและชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยดัชนีปิติ (PITI) เพื่อเป็นหลักเกณฑ์กำหนดนโยบายเศรษฐกิจในอนาคต โดยไม่ได้ดูตัวเลขGDP หรือนำรายได้ทุกคนมาหารเฉลี่ยเพียงอย่างเดียว แต่ดูความก้าวหน้าของประเทศทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงนำหนี้ครัวเรือนและรายได้การเกษตรมาประกอบด้วย ขณะเดียวกันต้องปรับวิธีคิดและกระบวนทัศน์ในการบริหารด้านเศรษฐกิจใหม่อีกด้วย จุดเปลี่ยนที่ 2. จุดเปลี่ยนด้านคมนาคม โดยเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกสีทุกสาย จุดเปลี่ยนด้านคมนาคม เร่งรัดการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกสายให้แล้วเสร็จ  ลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า สายที่รัฐบาลลงทุน ทุกสาย ให้เหลือ 15 บาทตลอดสาย พร้อมเร่งรัดการก่อสร้าง รถไฟทางคู่ ในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ตะวันตก  รถไฟความเร็วสูง เชื่อมโลก  ต่อขยายเส้นทาง หนองคาย -กรุงเทพ และกรุงเทพ -ปาดังเบซาใช้ระบบเชื่อมทุนไทยจีน เชื่อมโลก จีนถึง สิงคโปร์ และผลักดัน มอเเตอร์เวย์ เชื่อมเหนือสุด ถึงใต้สุด คือ แม่สาย ถึง บางปะอิน และสุไหงโกลก ถึง นครปฐม ผลักดัน 12 มหานครเศรษฐกิจ เช่น เชียงใหม่ อุบลราชธานี  ระยอง สงขลา 

สำหรับที่จุดเปลี่ยนที่ 3.นโยบาย GOV TECH คือการใช้เทคโนโลยีในการช่วยรัฐบาลทำงานเพื่อให้มีความรวดเร็วและสะดวกขึ้น โดยปฏิรูประบบราชการแนวคิดใหม่เพื่อให้บริการประชาชนด้วยเทคโนโลยี 4. นโยบายปฏิวัติสีเขียวอุตสาหกรรมไทย โดยนำเสนอ อุตสาหกรรมยุคใหม่ อาทิ การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า,เกษตรอินทรีย์ และอุตสาหกรรมชีวภาพ 5.เศรษฐกิจ HI TOUCH การยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่โดยการสร้างนวัตกรรมสินค้าและวัตกรรมนวัตกรรมใหม่ ทั้งนี้ 20 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของไทยโงหัวไม่ขึ้น วันนี้ด้วยประสบการณ์และบุคลากรของพรรคจะเปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจเก่าสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ เพื่อนำประเทศคนกับดักรายได้ปานกลาง โดยจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตเกิน 5% อย่างยั่งยืนด้วยการสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 6.เกษตรยุคใหม่ ด้วยการเดินหน้าสร้างเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งและกระบวนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย

7.ปีแห่งการแก้หนี้ โดยประกาศให้ปี 2562 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ ได้แก่ หนี้สินภาคเกษตร โดยมีนโยบายไม่ให้ธนาคารของรัฐยึดที่ดินทำกิน พร้อมแก้หนี้นอกระบบโดยผ่านโครงข่าย 4 ธนาคารของรัฐร่วมกันแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้กลับสู่ในระบบ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำและโครงการหมอหนี้ 8.เกษียณเงินล้าน ด้วยการยกระดับกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อแรงงานในวัยเกษียณทั้งในและนอกระบบ 9. นโยบายคลังเข้มแข็งภาษีเป็นธรรม ซึ่งจะมีการปรับโครงสร้างภาษีให้เป็นธรรม โดยเก็บภาษีเพิ่มจากธุรกิจผูกขาด เศรษฐฐีที่ดิน และการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ ปรับลดงบกลาง และงบซ้ำซ้อนในโครงการลักษณะเดียวกัน ขณะเดียวกันลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่คงสิทธิลดหย่อนในกองทุน RMF และ ปรับปรุง LTM ซึ่งนโยบายแก้จน สร้างคน สร้างชาติ ของพรรคประชาธิปัตย์ จะใช้งบประมาณเพิ่มจากงบประมาณเดิม 392,000 ล้านบาท จากการประมาณการจัดเก็บรายได้ปี 2563 จะอยู่ที่ประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท โดยจะเป็นเพดานเงินกู้ตาม พรบ.หนี้สาธารณะ 698,000 ล้านบาท
สุดท้ายจุดเปลี่ยนที่ 10. การแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ใช่แค่วาทกรรม แต่เป็นภัยร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามจะลงในรายละเอียดเรื่องนี้ โดยจะเปิดนโยบาย No คอรัปชั่นอีกครั้งก่อนวันที่ 24 มี.ค. ทั้งนี้ยืนยันว่านโยบายที่แถลง สามารถนำไปปฎิบัติได้ทันที "แก้จน สร้างคน สร้างชาติ"เลือกประชาธิปัตย์ .