ชวนปชช.เลือก'เพื่อชาติ'ส่ง'บิ๊กตู่'ไปเลี้ยงหลาน
การเมือง
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้งบประมาณ 12 ล้านบาทในการไปดูการเตรียมจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในประเทศต่างๆ ว่า เรื่องใหญ่กว่า 12 ล้านคือความจำเป็น มูลค่าด้วยจำนวนเงินเป็นเรื่องเล็กถ้าเปรียบเทียบกับงบประมาณแผ่นดินที่จะต้องใช้สำหรับการจัดการการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นอยากให้กกต.ชุดนี้ได้ดูบทเรียนของ กกต.ชุดอื่นในการทำหน้าที่ เพราะว่ามีประวัติให้เห็นอยู่แล้ว ว่าท้ายที่สุด ถ้าดำเนินการเป็นปัญหา ก็อาจถูกติดคุกได้ บทเรียนของประเทศไทย ต้องระมัดระวังระหว่างอำนาจของกกต.และการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งปี 2549 กกต. ก็ไปดูงานต่างประเทศก็เห็นว่าต่างประเทศหันหลังออกในการเลือกตั้ง จึงมาออกระเบียบและจัดการการเลือกตั้งท้ายที่สุดก็เป็นโมฆะ หรือแม้กระทั่งการเลือกตั้ง ปี 2557 กกต.เชื่อว่าการเลือกตั้งไม่ต้องจัดวันเลือกตั้งวันเดียวกันทั้งประเทศก็ได้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็เห็นต่างจากกกต. วินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็น โมฆะ ความเชื่อของกกต.ทำให้ประเทศไทย การเลือกตั้งโมฆะมาแล้ว 2 ครั้ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ใหญ่กว่า 12 ล้านก็คือว่า 1. ความจำเป็น 2. ระยะเวลา บทเรียนต่างๆสำหรับการเลือกตั้งของประเทศไทยนั้นมันมีครบถ้วนอยู่แล้ว งบประมาณเป็นเรื่องเล็กหากเทียบกับความเสียหายของการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นตนไม่ติดใจเรื่อง 12 ล้านแต่ติดใจที่ว่าทำอย่างไร ให้การเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรมไม่ให้เป็นโมฆะ
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีที่มีคนไทยในประเทศมาเลเซียไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าอย่างล้นหลาม เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา เกิดปัญหาจนทำให้ต้องขยายวันใช้สิทธิเลือกตั้งเพิ่มอีก 1 วัน ว่า คนไทยที่อยู่ในมาเลหรือที่เรียกว่าคนสองสัญชาติมีจำนวนมากจริงๆ ตน เห็นว่าคนไทยกลุ่มนี้ ต้องการการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนยังสงสัยว่าการเพิ่มวันเลือกตั้งอีก 1 วันนี้ กกต.จะมีอำนาจจริงหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีวินิจฉัยเรื่องเหล่านี้หรือไม่ แม้เป็นเรื่องที่สมควร เนื่องจากคนยังใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่เสร็จสิ้น เพราะมีปัญหาด้านการบริหารจัดการ
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ตั้งกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตยว่า การที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ เป็นเรื่องที่น่าเสียใจของชาวประชาธิปไตย แต่ตนไม่ต้องการอธิบายเรื่องราวที่เป็นอดีต และตนเองก็เห็นว่าคนในอดีตพรรคไทยรักษาชาติทำถูกแล้ว ที่ใหญ่กว่าพรรคการเมืองคือประชาธิปไตย ที่เราต้องพาประชาธิปไตยกับคืนสู่ประเทศไทยโดยเร็ว ตนเห็นด้วยกับแนวทางของอดีตพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งตนเคยระบุว่าคะแนนของพรรคไทยรักษาชาติจะไม่สูญเปล่า จะยังคงอยู่ที่ฝ่ายประชาธิปไตย และเป็นดุลยพินิจสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะตัดสินใจเลือกพรรคฝั่งประชาธิปไตย ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นพรรคเพื่อชาติ เป็นพรรคใดก็ได้ กรณีที่ตนมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ เพราะตนเข้าใจในตัวเลขนี้ ถ้าต้องการชนะต้องข่มใจมาก ซึ่งคนไทยจะไม่มีความเคยชินกับเรื่องนี้ โปรดท่องไว้ว่า เลือกพรรคเพื่อชาติพาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.กลับบ้าน นี่เป็นการแก้ไขตามแนวทางสันติวิธี ตามหลักการประชาธิปไตย วันที่ 24 มี.ค. ถ้าพี่น้องต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ ไปพักผ่อนได้แล้ว เพราะ 5 ปีถือว่าได้สิทธิ์มากกว่าคนอื่น ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์ ใช้อำนาจกระบอกปืนเข้ามายึดและเมื่อต้องการที่จะอยู่ในอำนาจต่อ คนที่ไม่เห็นด้วย คนที่เป็นคู่แข่งขันก็มีสิทธิ์ที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้
“แม้พล.อ.ประยุทธ์ จะพยายามแต่งตัวถ่ายรูปแบบคิขุอาโนเนะ มันไม่เหมาะ วัยมันเหมาะจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่ขึ้น เพราะฉะนั้นวิธีที่จะช่วยให้พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปพักผ่อนเสียที ก็คือการเลือกพรรคเพื่อชาติ ทุกคะแนนของพรรคเพื่อชาติไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ และเราเองก็เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถนำพาบ้านเมืองไปได้ ต่อให้ท่านแต่งตัวอย่างไร มันก็ไม่น่ารักต้องให้วัยแบบอธิปนี่ วัยแบบพลเอกประยุทธ์ต้องนุ่งกางเกงขาก๊วย”นายจตุพร กล่าว.