ข่าวพท.เปิดแคมเปญชูนโยบายแก้หนี้-ลดภาษี - kachon.com

พท.เปิดแคมเปญชูนโยบายแก้หนี้-ลดภาษี
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย  คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และผู้เสนอตัวชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง คณะทำงานเศรษฐกิจพรรค และผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 22 เขต ร่วมกันแถลงถึงนโยบายในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ภายใต้แคมเปญ “เอาลุง (ความคิดและสิ่งเก่าที่สิ้นหวัง) คืนไป เอาเงินในประเป๋าคืนมา” ทั้งนี้ ภายในห้องแถลงข่าวพรรคยังได้เปลี่ยนแบนเนอร์ของพรรคทั้งในห้องแถลงข่าว และจุดอื่นๆ ให้สอดคล้องกับแคมเปญในช่วงโค้งสุดท้ายด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในสภาพลำบาก เศรษฐกิจแย่ ค้าขายลำบาก หนี้สินท่วมหัว รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้งบประมาณสูงถึง 11.43 ล้านล้านบาท ถ้ารวมงบประมาณปี 2562 ด้วยจะสูงถึง 14.32 ล้านล้านบาท เกือบ 5 ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ใช้เงินเกินรายได้ของรัฐบาลไปกว่า 2.38 ล้านล้านบาท ส่งผลให้หนี้ประเทศเพิ่มขึ้นสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาท ใช้เงินไปมหาศาลขนาดนี้ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศกับรายได้ลดลง ยากจนมากขึ้น และมีหนี้สินท่วมหัว​ ความทุกข์ของประชาชนที่เกิดขึ้นรัฐบาลพยายามปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง รายได้คนไทยเพิ่มน้อยกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจ เป็นการเติบโตแต่หัว ทิ้งคนไทยส่วนใหญ่ให้ยากจน เกิดภาวะรวยกระจุก จนกระจาย รัฐบาลไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้คนไทยอย่างแท้จริงจึงเลือกใช้วิธีง่ายๆ เฉพาะหน้าคือการแจกเงิน


 
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า เราจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจทั้งระบบด้วยการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ ใช้งบประมาณน้อยแต่ประชาชนได้ผลประโยชน์มาก  เราจะไม่คิดอะไรง่ายๆ สั้นๆ ที่ก่อหนี้มหาศาลให้ประเทศ เราจะรดน้ำที่รากให้ลำต้นและใบเติบโตได้อย่างแข็งแรงยั่งยืนโดยการเติมทุนให้คนตัวเล็ก ไม่ใช่แค่แจกเงินเพื่อหวังผลระยะสั้น หรือขึ้นภาษีผลักภาระให้ประชาชน เราจะแก้หนี้ด้วยรายได้ เราต้องรวมพลังคนไทยทั้งประเทศให้เมืองช่วยชนบท และชนบทช่วยเมือง สร้างสมดุลทางเศรษฐกิจไม่ให้เหลื่อมล้ำอย่าง 4-5 ปีที่ผ่านมา ด้วยนโยบายปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้างเศรษฐีใหม่ ด้วยการ 1. ปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ให้ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง SME รวมทั้งหนี้ของประชาชนตัวเล็ก ครูและนักศึกษา และพักหนี้เกษตรกร 3 ปี 2. เติมเงินเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ อาทิ ปรับเงินเดือนปริญญาตรีขึ้น เพราะเงินเดือนพนักงานไม่ได้ขึ้นมากว่า 7 ปีแล้ว ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ  โดยขึ้นเป็นขั้นเป็นตอน และมีมาตรการที่ช่วยนายจ้างไม่ให้ได้รับผลกระทบ เพราะค่าแรงขณะนี้ต่ำกว่ารายจ่าย ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มทุกตัว ข้าว 12,000 บาทต่อเกวียน ยาง 60 บาทต่อกิโลกรัม อ้อย 1,000 บาทต่อตัน และ3.ลดภาษี อาทิ ลดภาษีน้ำมันเพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพ ลดภาษีเงินได้ของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ให้สิทธิพิเศษนอก EEC กับ SME ออนไลน์และ Start Up เพิ่มรายได้ให้ประชาชนตัวเล็กเพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประเทศ ยกเศรษฐกิจทั้งฐาน เมื่อคนตัวเล็กมีกำลังซื้อ ร้านขายสินค้าก็ขายดี เจ้าของโรงงานก็ไม่เจ๊ง
 
“วันนี้หลายพรรคออกมาให้สัญญากับประชาชน ถือเป็นโอกาสดีของประชาชนที่จะตัดสินว่าใครไม่เคยทำได้ตามสัญญา ใครดีแต่พูด ใครให้คำสัญญาที่ทำได้จริง 24 มี.ค.พี่น้องคนไทยจะได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเองว่า จะอยู่กับลุงต่อไปอีก 4 ปี หรือจะเอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋ากลับคืนมา และหากให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาทำงาน เราจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ใน 6 เดือน โดยราคาสินค้าเกษตรต้องปรับขึ้น เงินเดือนพนักงานต้องเพิ่มขึ้น” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า เศรษฐกิจต้องดูในภาพรวม โดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยว เสริมความมั่นใจ กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ และการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล นอกจากนี้ เอสเอ็มอีเราต้องให้ทั้งทุนและปัญญาแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงกฎระเบียบหรือกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบการต้องมีการปรับแก้

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคแสดงให้เห็นมาตลอดว่า เรามุ่งมั่นและดูแลสินค้าเกษตรได้ดีทุกตัว รวมถึงการปรับค่าแรงขั้นต่ำให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจของพรรคมั่นใจว่าเราจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้ วันนี้ลงพื้นที่ประชาชนไม่ค่อยถามแล้วว่าเราจะให้ราคาพืชผลทางการเษตรเท่าไหร่ เพราะเขาเห็นผลงานเรามาตลอด ไม่ต้องสื่อสาร มองตาก็รู้ใจแล้ว

ขณะที่นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง เชื่อว่าประชาชนมีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจแล้ว โดยจะพิจารณาจาก 4-5 ปีที่ผ่านมาชีวิตของประชาชนดีขึ้นหรือไม่ วันนี้ประชาชนจึงต้องเลือก 2 ทางคือ จะอยู่แบบเดิม หรือเปลี่ยนแปลงเพื่อหลุดพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ ซึ่งมีทางเดียวคือ การที่ประเทศมีประชาธิปไตยที่แท้จริง ผลงานที่ผ่านมายืนยันว่าสิ่งที่พรรคพูดนั้นเราทำได้มากกว่าที่พูด ดังนั้น ภายใน 6 เดือนเราจะยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประประชาชน ส่วนใครที่ยังพูดกั๊ก รอจังหวะไปยืนข้างฝ่ายชนะนั้น ตนมองว่าไม่ใช่ทางออกของประเทศ เพราะทางออกของประเทศต้องกล้าประกาศให้ชัดว่าจะอยู่กับฝ่ายไหน ให้ประชาชนได้เลือก