ข่าว'นพดล'ย้ำต้องให้พรรคเสียงข้างตั้งรัฐบาลก่อน - kachon.com

'นพดล'ย้ำต้องให้พรรคเสียงข้างตั้งรัฐบาลก่อน
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า อีกเพียง 2 สัปดาห์ก็จะถึงวันเลือกตั้ง และประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง จากการลงพื้นที่ในหลายจังหวัดพรรคเพื่อไทยยังคงได้รับการตอบรับที่ดีมาก แต่พรรคได้กำชับผู้สมัครอย่าประมาท และให้เดินพบปะประชาชนเพื่อสื่อสารนโยบายแก้เศรษฐกิจให้มากที่สุด เชื่อมั่นว่าประชาชนจะสนับสนุนผู้สมัครและแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจนของพรรค แม้ว่าขณะนี้แต่ละพรรคก็มั่นใจในการสนับสนุนของประชาชน แต่อีกไม่กี่วันก็คงทราบว่าใครจะได้กี่ที่นั่ง ซึ่งหลังประกาศผลภายหลังการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมแล้ว พรรคการเมืองและผู้เกี่ยวข้องต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน และควรให้พรรคที่ได้ส.ส. มากสุดได้รวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลก่อน นอกจากนี้  ในการเห็นชอบผู้จะเป็นนายกฯ ในสภา ส.ว.ควรเคารพเจตนารมณ์ของประชาชนที่แสดงผ่านการเลือกตั้ง ถ้าเป็นเช่นนี้็จะสร้างบรรยากาศที่ดีให้เกิดขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นการเดินหน้าประเทศในด้านต่างๆ

“เราต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก และเอาประเทศเป็นตัวตั้ง เคารพเสียงประชาชน และรัฐบาลใหม่ต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยคนจน ปฏิรูปประเทศอีกหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการศึกษาที่ต้องเร่งดำเนินการ”นายนพดล กล่าว

ด้านนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานทราบข่าวว่า พรรคการเมืองที่มีสายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจมีการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งหัวคะแนนของพรรคดังกล่าวจะไล่จดรายชื่อและเก็บสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง อ้างว่าจะทำบัตรคนจนหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแจกให้ทุกคนแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งถือเป็นการเสนอประโยชน์เพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัครของพรรค และอาจจะนำเอาสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้ในทางมิชอบ มีการแจกจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหัวละ 300 - 500 บาทผ่านเครือข่ายหัวคะแนน โดยเฉพาะกลุ่มอาสาสมัครชุมชนที่สงสัยว่าได้ร่วมกระทำความผิดอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะมีอำนาจรัฐให้การสนับสนุน และมีการจ่ายเงินให้แก่ผู้นำท้องถิ่นเพื่อจูงใจให้ช่วยเหลือในการทุจริตเลือกตั้งอีกด้วย



นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า ผลจากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งหลายสถานะ ทั้งนายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ อาจทำให้มีการกระทำหลายอย่างที่หมิ่นเหม่ว่าจะเป็นการใช้บุคลากรและทรัพยากรของรัฐเพื่อสนับสนุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้ เช่น การลงพื้นที่ในจังหวัดขอนแก่นของพล.อ.ประยุทธ์ในวันที่ 13 มี.ค. ทราบว่ามีการสั่งการทางแอพพลิเคชั่นไลน์ไปยังส่วนราชการต่างๆ เช่น สาธารณสุขอำเภอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัด ให้ระดมสาธารณสุขอำเภอหรืออสม.ทั้ง 16 อำเภอๆ ละ 500 คน จำนวนกว่า 25,217 คน มาร่วมรับฟังนโยบายของรัฐบาล ณ.ที่ว่าการอำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น จึงอยากให้กกต.เข้ามาตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวด้วย.