ข่าว'อภิสิทธิ์'อ่านจม.อ้อนขอเสียงเลือกปชป. - kachon.com

'อภิสิทธิ์'อ่านจม.อ้อนขอเสียงเลือกปชป.
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลา 13.20 น.  ที่เดอะสตรีท รัชดา  สำนักข่าว "เดอะ สแตนดาร์ด" จัดเวทีดีเบตและนำเสนอนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์คือไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อแน่นอน เพราะการสืบทอดอำนาจชัดกับหลักการของพรรคที่ประชาชนเป็นใหญ่ รวมถึง 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจแย่มามากพอแล้ว วันนี้จึงหมดเวลาเกรงใจแล้ว เพราะพรรคต้องการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากตนได้จัดตั้งรัฐบาลจะชวนใครมาร่วมรัฐบาลตอนนี้มี 2 พรรคที่ไม่มีปัญหาสามารถมาร่วมได้ และแปลว่านโยบายต้องเป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรค ส่วนจะดึงพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ร่วมหรือไม่อยู่ที่เงื่อนไช ถ้าสืบทอดอำนาจตนปฏิเสธไม่ร่วมกัน



ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้อ่านจดหมายซึ่งเป็น “จดหมายรักถึงคุณ” บนเวที โดยมีเนื้อหาสรุปดังนี้ “ถึงคุณ ...เราอยู่ด้วยกันมานานจนผมรู้สึกว่าตอนนี้คุณกำลังสิ้นหวัง สับสน กลัว โกรธ ถามตัวเองวนไปวนมา เมื่อถึงเวลาจะต้องเลือกเราเลือกอะไรได้ไหม คุณเลือกได้เสมอ อย่างน้อยที่สุดก็เลือกที่จะออกมาจากความสัมพันธ์แย่ เช่นจากคนรักคนหนึ่งของคุณ ทุกคำพูดคำสัญญาของเขานั้นเพื่อคุณเสมอ ทุกคำสร้างปลุกเร้า เหย้ายวน แต่ยิ่งอยู่ไปเขากลับก้าวร้าว ครอบงำและเอาแต่ใจตัวเอง ไม่อนุญาตให้คิดต่าง และเขาไม่เคยผิดเพราะเขาเล่นตามกฎที่เขาสร้างขึ้น กาลเวลาทำให้ผมแกร่งขึ้น คุณเลือกได้เสมอ เลือกผมเถอะครับ ผมรักคุณ”





ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หลังเลือกตั้งพรรคจะร่วมกับใครนั้น ตนต้องบอกว่าการที่พรรคอย่างตนมีสภาวะเป็นพรรคขนาดกลาง คนมองว่าเป็นพรรคตัวแปรไม่มีจุดยื่น ร่วมกับใครก็ได้ ซึ่งเป็นข้อหาที่ถูกกล่าวหาที่ถูกกล่าวหาจากบุคคลอื่น พวกตนยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญ แต่บางหลักที่จะพูดตรงนี้ คือเรามีจุด คือ ที่มานายกฯ คนที่เปนส.ส.เท่านั้นถึงมีสิทธิกำหนดตัวนายกฯ และนโยบายกัญชาหากไม่ได้รับการสนับสนุน ก็ยินดีอยู่เป็นฝ่ายตรวจสอบ



ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทหารอาชีพที่มาช่วยเหลือเรื่องการเป็นรั้วของชาติ เราชื่นชม แต่เรารังเกียจทหารที่เกษียณแล้วมายึดอำนาจประชาชน ฉะนั้นเราต้องปฏิรูปกองทัพ ให้เป็นสมาร์ทอาร์มี่ ซึ่งการเปลี่ยนครั้งนี้เพื่อให้กองทัพมีศักยภาพมากขึ้น เราของบ 10 เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่ตัดงบกองทัพ เปลี่ยนเป็นแคมป์สร้างศูนย์ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ สร้างอาชีพคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะตกงาน จากเดิมที่มีแต่แคมป์ฝึกทหาร ส่วนจุดยืนร่วมรัฐบาลนั้น เราย้ำตลอดว่า”เอาลุงคืนไปเอาเงินในกระเป๋าของเราคืนมา”



ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา คณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ส่วนหลังเลือกตั้งพรรคจะร่วมกับใครนั้น เอาเป็นว่าถ้าเขาจะเทียบเชิญเรา หลังเลือกตั้งอย่าตั้งเงื่อนไข การทำงานหลังเลือกตั้ง ฝ่ายค้านก็มีความสำคัญเท่ากับรัฐบาล ซึ่งฝ่ายค้านหรือรัฐบาลเราเคยเป็นมาหมดแล้ว แต่หัวใจสำคัญคือนโยบายที่จะนำเข้าไปทำงานในสภาฯ และถ้าเขาได้เสียงครบเราทำหน้าที่ฝ่ายค้านก็ได้ เราเป็นมาหมดแล้ว

ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สังคมไทยจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ถ้าเราไม่พูดถึงการปรองดอง ซึ่งนักการเมืองและผู้มีอำนาจกำลังบอกอยู่ในขณะนี้ คนทำประทเศไทยปรองปดองไม่ได้ไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นคนที่เอาอำนาจไปจากเรา และตอนนี้ไม่ใช่แค่ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ แต่ต้องไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ด้วย ตนเชื่อว่ามีพรรคบางพรรค ที่บอกว่าไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ แต่อยากจับมือพปชร. เพื่อชูตัวเองขึ้นเป็นนายกฯ

ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ฝ่ายเผด็จการพยายามทุกรูปแบบในการสืบทอดอำนาจ ขณะนี้มีส.ว.250 คนอยู่ในมือแล้ว ขาดอีกแค่ไม่เท่าไหร่ก็จะได้บริหารประเทศต่อ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงขอให้พิจารณาว่ามีหัวหน้าพรรคคนใดกล้าสู้กับเผด็จการได้บ้าง และจากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากขอให้แก้ปัญหาทหาร เพราะตั้งแต่เริ่มรับราชการไปจนถึงเกษียณทุจริตทั้งนั้น แต่ไม่มีหน่วยงานใดตรวจสอบได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปกองทัพ ไม่เช่นนั้นประเทศจะอยู่ไม่ได้ สำหรับจุดยืนการร่วมรัฐบาลชัดเจนจะร่วมกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่ร่วมกับฝ่ายเผด็จการเด็ดขาด จึงยินดีให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาล ตนขอแค่รมว.กลาโหมก็เพียงพอแล้ว