ปชป.ไม่เอา'บิ๊กตู่'ลั่นพรรคต้องเป็นแกนไม่ใช่'อะไหล่'
การเมือง
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอสนับสนุนการแสดงจุดยืนนายอภิสิทธิ์ และประกาศชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์คือพรรคทางเลือกหลักในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่พรรคอะไหล่หรือพรรคเฉพาะกิจ โดยพรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นหลักของประเทศสืบไปไม่ว่าเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ทั้งนี้ ตนเชื่อมั่นว่า 1.จุดยืนและหลักการที่ถูกต้องจึงจะเป็นหลักของประเทศและประชาธิปไตย ทั้งวันนี้และวันหน้า 2.ความเด็ดเดี่ยวความกล้าหาญทางการเมืองอาจต้องแลกด้วยความพ่ายแพ้ ซึ่งความไม่กลัวแพ้เพื่อวางฐานรากประชาธิปไตยจะทำให้ประเทศชนะ 3.เราต้องเชื่อว่าความดี ความสุจริต ความถูกต้องจะชนะทุกสิ่ง ดังนั้นวันที่ 24 มี.ค.ที่เป็นวันเลือกตั้งจึงควรเป็นการเริ่มต้นใหม่ของประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน รอบครัวใดมิใช่หรือ
“ทางเดินที่พวกเราเลือกคือ ซื่อสัตย์ต่อหลักการประชาธิปไตย เหมือนที่ผมเลือกกลับมาพรรคประชาธิปัตย์แทนที่จะเลือกอำนาจและผลประโยชน์ของการเมืองระบบเก่า ด้วยความเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นหลักของแผ่นดินนำประเทศเดินไปข้างหน้าบนวิถีทางประชาธิปไตยแก้ไขในสิ่งผิดและเปลี่ยนแปลงประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่า วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”ได้ทำสิ่งที่ควรทำเพื่อประเทศชาติแล้ว”นายอลงกรณ์ กล่าว
ด้านนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรคร่วมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ปราศรัยทวงบุญคุณนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าหากไม่ได้เขาไม่รู้ชาติหน้านายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกฯหรือไม่ ว่า ตอนนั้นนายสุเทพเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าเขาเป็นผู้จัดการรัฐบาลในการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าเป็นความสำเร็จของนายสุเทพ ซึ่งเราไม่ได้ปฏิเสธความจริงในข้อนี้ แต่เมื่อสถานการณ์เดินมาขนาดนี้สิ่งที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดว่าไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อ ก็เป็นหลักและอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าถ้านายสุเทพยังอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ก็คงพูดเหมือนหัวหน้าพรรค ดังนั้นเราไม่ขอตอบโต้
เมื่อถามว่าอย่างนี้พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถร่วมงานกับพรรค รปช.ได้หรือไม่ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า เรามีความเห็นต่างกันในเรื่องการสนับสนุนบุคคลเป็นนายกฯ นายสุเทพพูดไปเพราะท่านประกาศชัดตั้งแต่แรก ตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งพรรคด้วยซ้ำว่าหนุนพล.อ.ประยุทธ์ ถ้าใครไม่หนุนก็อยู่ตรงนี้ไม่ได้ ซึ่งก็เป็นธรรมดา ไม่อยากพูดอะไรมาก
“ผมเข้าใจท่านนะว่าท่านอาจจะรัก พล.อ.ประยุทธ์มากกว่าใครไปแตะต้องไม่ได้ ก็เป็นสัจธรรมเมื่อรักมาก เศร้าเสียใจมาก โกรธมากเมื่อสิ่งนั้นถูกพรากออกไป ก็เลยรับไม่ได้”นายนิพิฎฐ์ กล่าว
นายนิพิฎฐ์ กล่าวต่อว่า ประชาชนต้องแยกระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ กับพรรคพลังประชารัฐ (พปรช.) ให้ออกจากกัน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พูดบนสมมติฐานว่า ถ้าประชาธิปัตย์ได้เสียงมากกว่าพปชร.พรรคที่มาร่วมด้วยก็ต้องสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯแต่ถ้าพปชร.ได้คะแนนมากว่าประชาธิปัตย์ ถ้าเราไปร่วมกับเขา ก็ต้องสนับสนุนคนของเขา ซึ่งก็เป็นธรรมดา แต่เรามั่นใจว่าเรามีคะแนนมากกว่า.