9จว.เหนืออ่วมฝุ่นพิษ-ไฟป่าวิกฤตสีแดงคลุมทั่วพื้นที่
การเมือง
สำหรับปัญหาหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ พบว่าค่าฝุ่นละออง เพิ่มขึ้นในทุกพื้นที่ คุณภาพอากาศมีค่าอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ - มีผลกระทบต่อสุขภาพ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 64- 158 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานที่บริเวณในระดับวิกฤตสีแดง จ.เชียงราย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย 158 มคก./บ.ม. จ.เชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง 122 มคก./ลบ.ม. ต.ศรีภูมิ อ.เมือง 106 มคก./ลบ.ม. จ.ลำพูน ต.บ้านกลาง อ.เมือง 123 มคก./ลบ.ม. จ.ลำปาง ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ 141 มคก./ลบ.ม. ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ 142 มคก./ลบ.ม. ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ 94 มคก./ลบ.ม. ต.พระบาท อ.เมือง 116 มคก./ลบ.ม. จ.แพร่ ต.นาจักร อ.เมือง 140 มคก./ลบ.ม. จ.น่าน ต.ในเวียง อ.เมือง 104 มคก./ลบ.ม. ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ 100 มคก./ลบ.ม. พื้นที่ฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานระดับสีส้ม ได้แก่ จ.เชียงราย ต.ในเวียง อ.เมือง 81 มคก./ลบ.ม. จ.พะเยา ต.บ้านต๋อม อ.เมือง 77 มคก./ลบ.ม. จ.เชียงใหม่ ต.สุเทพ อ.เมือง 77 มคก./ลบ.ม. ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม 64 มคก./ลบ.ม. จ.แม่ฮ่องสอน ต.จองคำ อ.เมือง 87 มคก./ลบ.ม.จ.ตาก ต.แม่ปะ อ.แม่สอด 86 มคก./ลบ.ม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ฝุ่น PM 2.5 วิกฤตสีแดง ที่จ.เลย ต.นาอาน อ.เมือง 100 มคก./ลบ.ม. ส่วนจ.ขอนแก่นอยู่ในระดับสีส้ม ต.ในเมือง อ.เมือง 83 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีส้ม ได้แก่ จ. นครสวรรค์ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง 68 มคก./ลบ.ม. จ.สระบุรี ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ 62 มคก./ลบ.ม. จ.ราชบุรี ต.หน้าเมือง อ.เมือง 59 มคก./ลบ.ม.
ทั้งนี้สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางเว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th และแอพลิเคชั่น air4thai
นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีคพ. กล่าวว่า ขณะที่การดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ แบ่งเป็นจ.เชียงใหม่ ทางนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผวจ.เชียงใหม่ ได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควัน ในพื้นที่ พร้อมบูรณาการกับส่วนท้องถิ่น เร่งเข้าควบคุมไฟป่าในเขตพื้นที่ม.6 ต.แม่คะพบพื้นที่ป่า เสียหายประมาณ 20 ไร่ ขณะที่อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก พบเสียหาย 12 ไร่ แต่ไม่พบผู้กระทำผิด บริเวณบ้านหนองหลวง หมู่ 8 ต.บ้านตาล อ.ฮอด ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่า แม่ตาลและป่าแม่ยุย ยังมีไฟป่าเป็นบางจุด จึงเข้าดับไฟจนไฟดับสนิท พื้นที่ถูกไฟไหม้เสียหาย ประมาณ 7 ไร่ สาเหตุเกิดจากการลักลอบเผาแล้วลุกลามจนไม่สามารถควบคุมได้ จ.พะเยา สถานีควบคุมไฟป่าแม่ปืม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่ปืมและเจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าเขาสิบห้าชั้น เจ้าหน้าที่สถานีควบคุม ไฟป่าเขาเขียว สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดับไฟป่าที่ 3 สานักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) เข้าตรวจสอบจุดความร้อนและปฏิบัติการดับไฟป่า จำนวน 4 จุด บริเวณบ้านร่องปอ ม.7 ต.ดงเจน อ.ภูกามยาว พบพื้นที่เสียหายรวมทั้งหมด 102 ไร่ และบริเวณบ้านร้อง ม.8 ต.ดงเจน อ.ภูกามยาว พบพื้นที่เสียหาย 7 ไร่ และบริเวณบ้านดงอินตา 2 จุด จุดแรกพบพื้นที่เสียหาย 20 ไร่ และจุดที่ 2 พบพื้นท่ีเสียหาย 18 ไร่ นอกจากนี้ยังพบที่บริเวณกว๊านพะเยา โดยเจ้าหน้าที่เข้าสกัดเชื้อไฟเพื่อไม่ให้ขยายวงกว้าง จ.น่าน หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าน่าน ได้ปฏิบัติการดับไฟป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ายาวและป่า น้าสวด ร่วมกับเครือข่ายบ้านพี้เหนือ ต.บ้านพี้ อ.บ้านหลวง พบพื้นที่เสียหาย 150 ไร่
นายประลอง กล่าวว่า จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าภูชี้ฟ้าอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สบอ.15) ร่วมกับเครือข่ายแก้ไข ปัญหาไฟป่าและหมอกควันบ้านพญาเลาอู เข้าดับไฟบริเวณทิศตะวันออกบ้านเลาตาขาว ม.21 ต.ตับเต่า อ.เทิง พบพื้นที่เสียหาย 15 ไร่ สาเหตุมา จากการหาของป่า ส่วนจ.ลำพูน หน่วยป้องกันและป่าไม้แม่ทา หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลพ.2 (ทาชมภู) และหน่วยส่งเสริมการควบคุม ไฟป่าแม่ทา ร่วมกันปฏิบัติการดับไฟป่าที่บ้านจาขี้มด ม.2 ต.ศรีบัวบาน อ.เมือง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ธิ-แม่ตีบ-แม่สาน พื้นที่ป่าเสียหาย 80 ไร่ ไม่ทราบสาเหตุการเกิดไฟ ทั้งนี้หน่วยฯ ได้ปฏิบัติการดับไฟป่า ร่วมกับอากาศยานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจำนวน 2 ลำ เข้าดับไฟป่า2 จุด คือ บริเวณบ้านหนองหล่ม ต.ศรีบัวบาน อ.เมือง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ธิ-แม่ตีบ-แม่สาน พบพื้นที่ป่าเสียหายประมาณ 80 ไร่ ไม่ทราบสาเหตุการเกิดไฟ และบริเวณบ้านน้าพุ ม.7 ต.ป่าสัก ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเหมืองจี้- สันป่าสัก พบพื้นที่ ป่าเสียหายประมาณ 50 ไร่
นายประลอง กล่าวต่อีกว่า ขณะที่ จ.แพร่ นายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.แพร่ เป็นประธานการประชุมทางไกลระบบ Conference เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันใน จ.แพร่ โดยข้อสั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯอำเภอ ลงพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์ ถ้าไม่สามารถควบคุมได้ให้ร้องขอ ศูนย์ฯจังหวัด และมอบหมายให้ ปภ. และ ทสจ.แพร่ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจุดความร้อน ให้เห็นภาพความถี่ การเกิดจุดความร้อน และให้ ทสจ. ประสานขอรับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อดับไฟในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่จ.เชียงรายเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์หมอกควันไฟป่าภาคเหนือในวันที่ 16 มี.ค.นี้.