ทษช.งานเข้า!!กกต.ตั้งกก.ไต่สวนชวนโหวตโน-เทคะแนนพรรคอื่น
การเมือง
Webmaster
2019-03-13 12:04:00
7
Webmaster
2019-03-13 12:04:00
7
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่โรงแรมเซ็นทราบาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ หลังถูกยุบพรรคที่มีการเดินสายจัดเวทีปราศรัยทั่วประเทศนั้น ว่า ความจริงความเป็นพรรคการเมืองได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ดังนั้นการดำเนินการใดๆก็ต้องดูกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเลือกตั้งคงไปบังคับใช้ไม่ได้มาก เพราะไม่ได้อยู่ฐานะที่เป็นผู้สมัครหรือพรรคการเมืองแล้ว แต่ก็ยังมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องและต้องปฏิบัติตาม
ส่วนในประเด็นอื่นรวมทั้งประเด็นความมั่นคงมีหน่วยงานอื่นๆดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามการประกาศให้เทคะแนนให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองอื่นนั้น ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าเข้าลักษณะความปรากฏต่อ กกต. ซึ่งที่ประชุมจะได้ขอให้เลขาธิการ กกต. หรือ สำนักงาน กกต. แต่งตั้งคณะสืบสวนไต่สวนฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนไม่เลือกผู้ใด หรือ “โหวตโน” ซึ่งอาจจะเข้าข่ายความผิด เพราะการรณรงค์ให้โหวตโน ขอให้เทคะแนนนั้นทำไม่ได้ เพราะกฎหมายห้ามไว้ชัดว่าจะต้องให้ผู้ใช้สิทธิตัดสินใจเลือกเอง ห้ามชักจูงชี้นำ จะบอกให้ใครทำอย่างนั้นอย่างนี้ไมได้ ส่วนจะเป็นความผิดของใครระหว่างผู้ขอให้เทคะแนน ผู้ขอให้โหวตโน หรือผู้สมัครที่ได้คะแนนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
“การกระทำใดครอบงำ ชี้นำ ชัดจูง จูงใจ สิ่งที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย มีอยู่แน่ๆ ถือเป็นความผิด การทำที่ใดที่อาจเป็นความผิด เราต้องตรวจสอบและหากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินการ” นายอิทธิพรกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเป็นการครอบงำ ชี้นำ ก็เข้าข่ายความผิดนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและการกระทำ แต่เราไมได้ตั้งเป้าที่จะไปทำถึงขนาดนั้น โดยจะดูเนื้อหาเป็นหลัก ซึ่งในกรณีนี้ไม่ต้องมีการร้อง เพราะเป็นความปรากฏต่อ กกต.แล้ว และก็ได้ให้สำนักงาน กกต. ตั้งคณะกรรมการสอบ หากในต่างจังหวัดพบว่ามีความผิดในลักษณะเป็นความปรากฏ กกต.ก็สามารถสั่งตั้งกรรรมการสอบเป็นรายจังหวัดได้.
ส่วนในประเด็นอื่นรวมทั้งประเด็นความมั่นคงมีหน่วยงานอื่นๆดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามการประกาศให้เทคะแนนให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองอื่นนั้น ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าเข้าลักษณะความปรากฏต่อ กกต. ซึ่งที่ประชุมจะได้ขอให้เลขาธิการ กกต. หรือ สำนักงาน กกต. แต่งตั้งคณะสืบสวนไต่สวนฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนไม่เลือกผู้ใด หรือ “โหวตโน” ซึ่งอาจจะเข้าข่ายความผิด เพราะการรณรงค์ให้โหวตโน ขอให้เทคะแนนนั้นทำไม่ได้ เพราะกฎหมายห้ามไว้ชัดว่าจะต้องให้ผู้ใช้สิทธิตัดสินใจเลือกเอง ห้ามชักจูงชี้นำ จะบอกให้ใครทำอย่างนั้นอย่างนี้ไมได้ ส่วนจะเป็นความผิดของใครระหว่างผู้ขอให้เทคะแนน ผู้ขอให้โหวตโน หรือผู้สมัครที่ได้คะแนนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
“การกระทำใดครอบงำ ชี้นำ ชัดจูง จูงใจ สิ่งที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย มีอยู่แน่ๆ ถือเป็นความผิด การทำที่ใดที่อาจเป็นความผิด เราต้องตรวจสอบและหากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินการ” นายอิทธิพรกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเป็นการครอบงำ ชี้นำ ก็เข้าข่ายความผิดนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและการกระทำ แต่เราไมได้ตั้งเป้าที่จะไปทำถึงขนาดนั้น โดยจะดูเนื้อหาเป็นหลัก ซึ่งในกรณีนี้ไม่ต้องมีการร้อง เพราะเป็นความปรากฏต่อ กกต.แล้ว และก็ได้ให้สำนักงาน กกต. ตั้งคณะกรรมการสอบ หากในต่างจังหวัดพบว่ามีความผิดในลักษณะเป็นความปรากฏ กกต.ก็สามารถสั่งตั้งกรรรมการสอบเป็นรายจังหวัดได้.
