ปชป.ชัดเจน!เหม็นขี้หน้าเพื่อไทย พูดครั้งที่พัน'ไม่จับมือ'
การเมือง
เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ใช่หรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า ตอนนี้เราตั้งใจมุ่งเน้นเรื่องนโยบายมากกว่า ส่วนเราจะจับมือกับใครนั้นต้องฟังเสียงประชาชนในวันที่ 24 มี.ค.นี้ แน่นอน เมื่อถามต่อว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ปราศรัยว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนดังกล่าว แสดงว่าจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า เราพูดเป็นครั้งที่พันแล้วว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่จับกับเรา เขาไม่เข้าใจหรืออย่างไร ประชาชนก็ฟังรู้เรื่องแล้วว่า 2 พรรคนี้เหม็นขี้หน้ากัน ไม่จำเป็นต้องให้ความเห็นอะไรอีก
ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์แสดงจุดยืนอย่างตรงไปตรงมาและอยู่บนพื้นฐานเหตุผลหลายด้าน คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงศักยภาพให้เห็นชัดเจนว่า 5 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 2.พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจแฝงโดยมิชอบ เกินขอบเขต ปกปิดข้อมูลหลายด้านจนเกิดข้อครหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ และแทรกแซงองค์กรอิสระ 3.พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าสิ่งพรรคการเมืองทำกันขณะนี้เป็นเพราะทุกคนอยากเป็นนายกฯ ซึ่งคือการสืบทอดอำนาจทางการเมืองเช่นกัน ซึ่งถือว่าพล.อ.ประยุทธ์กำลังใช้ตรรกะที่บิดเบี้ยว
“พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาโดยการยึดอำนาจ และอ้างว่าจะเข้ามาปฏิรูป และแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น แต่กลับทำตรงกันข้าม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นพฤติกรรมที่เอาเปรียบนักการเมือง โดยใช้มาตรา 44 แก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองที่ออกมาแล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการของการสืบทอดอำนาจชัดเจน ซึ่งไม่ใช่วาทกรรมการเมือง พล.อ.ประยุทธ์มีทั้งพฤติกรรม และกิจกรรมที่ทำมาอย่างต่อเนื่องว่าสืบทอดอำนาจ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนพฤติกรรม และกิจกรรมของพล.อ.ประยุทธ์ให้ทำเพื่อการสืบทอดอำนาจต่อไป เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาถือว่าได้พิสูจน์ตัวเองเพียงพอแล้ว ควรเปิดโอกาสให้นักการเมืองอาชีพตามปกติในระบอบประชาธิปไตยเสนอตัวทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนเพื่อที่จะนำพาประเทศนี้เดินหน้าต่อไป ” นายองอาจ กล่าว.