ผู้สมัครส.ส.พะเยาสาบานไม่เคยโกงประชาชน
การเมือง
นายวิสุทธิ กล่าวว่า ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตระหนกตกใจ เพราะตนยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง และตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ระบุว่า ผู้สมัครที่จะถูกตัดสิทธิหรือขาดคุณบัติได้ เมื่อข้อกล่าวหาสิ้นสุดในชั้นศาลแล้ว ดังนั้นตอนนี้ตนยังเป็นผู้สมัครส.ส.พะเยาดังเดิม
เมื่อถามว่า พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จะยื่นกกต. ตรวจสอบคุณสมบัติ จะต้องไปชี้แจงต่อกกต.ไว้ก่อนหรือไม่ นายวิสุทธิ กล่าวว่า เป็นสิทธิและหน้าที่ที่ท่านจะทำ แต่รัฐธรรมนูญใหญ่ที่สุด เราต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การดำเนินการของพล.ต.ท. สุรเชษฐ์ เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่นั้น ประชาชนดูอยู่ และเห็นอยู่ ที่ผ่านมา 4-5 ปี ตนอยู่อย่างคนใจนิ่งในสงบ จะไม่ถือโทษโกรธใครเพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่ากกต. และผู้ถือกฎหมายจะสามารถพิจารณาได้ ตนจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปชี้แจงอะไร และตนเชื่อว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วตนจะได้รับความเป็นธรรม โดยเรื่องนี้อาจจะทำให้เียชื่อเสียงของพรรค และของตน ที่เคยเป็นอดีตรองประธานสภาฯ บ้าง แต่เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและเห้นใจตนมากกว่าเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว นายวิสุทธิ ได้ยกพระเครื่องที่ห้อยคอ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประจำตัว ขึ้นมาไหว้สาบาน โดยระบุว่า หากตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีแชร์น้ำมันดังกล่าว ขอให้ตนมีอันเป็นไป
นายวิสุทธิ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีผู้ไปเก็บบัตรประจำตัวประชาชนในพื้นที่จ.พะเยา และอ้างว่าเป็นคนของพรรคเพื่อไทย ว่า ขณะนี้ในพื้นที่มีเจ้าหน้าที่ไปเก็บบัตรประชาชนของชาวบ้าน โดยอ้างว่ามีจากพรรคเพื่อไทยและจะจ่ายเงินให้คนละ1,000 บาท ตนยืนยันว่าในส่วนของผู้สมัครพรคเพื่อไทยจ.พะเยา ไม่มีการกระทำดังกล่าว และหากใครพบเห็นขอให้ไปแจ้งความดำเนินคดีได้เลย ทั้งนั้นวันที่ 18 มี.ค. ที่จะถึงนี้ ตนจะไปแจ้งความไว้ในพื้นที่ด้วย
ด้านนางอรุณี ชำนาญยา กล่าวว่า นอกจากนี้ในพื้นที่ยังมีการแจกเงินเยอะมาก เรียกได้ว่าแทบทุกหมู่บ้าน ตนอยากให้มีการเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และที่สำคัญคือขอให้ข้าราชการระดับสูงในจังหวัด ตรวจสอบกรณีที่มีการอนุมัติแจกปืน 0.19 มม. ให้กับผู้นำชุมชนตำบลเดียว ถึง 18 กระบอกพร้อมกัน และอยากถามว่าหน่วยงานราชการที่ออกให้มีจุดประสงค์อะไรที่จะต้องออกให้พร้อมกัน 18 กระบอกในเวลาเดียวกัน ตำบลเดียวกัน นอกจากนี้ในพื้นที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยยังถูกติดตามและข่มขู่ โดยมีชายชุดดำขับรถประกบระหว่างลงพื้นที่อยู่ตลอด ซึ่งเมื่อตรวจสอบรถแล้วพบว่าเป็นคันเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนป้ายทะเบียนเท่านั้น.