ข่าว'บิ๊กป้อม'ยัวะเชียงใหม่แชมป์มลพิษ สั่งย้ำห้ามเผาเด็ดขาด - kachon.com

'บิ๊กป้อม'ยัวะเชียงใหม่แชมป์มลพิษ สั่งย้ำห้ามเผาเด็ดขาด
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ค่ายกาวิละ มทบ.ที่ 33 อ.เมืองเชียงใหม่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกองบังคับการควบคุมไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ โดยมี นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, ผบ.มทบ.ที่ 33, ปภ.เชียงใหม่, สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่, ป่าไม้จังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยในที่ประชุมได้กล่าวรายงานว่า ในห้วงตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา บางวันปรากฏค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ดังนั้น กองทัพภาคที่ 3 จึงได้จัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าขึ้นที่ มทบ.ที่ 33 ค่ายกาวิละ เพื่อแก้ไขปัญหาโดยกำหนด Action Plan ที่ชัดเจน มุ่งเน้นการปฏิบัติเชิงรุก บูรณาการองค์ความรู้ เครื่องมือ และอำนาจหน้าที่ของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง การตรวจสอบและติดตามข้อมูลการเผาป่าในพื้นที่ หากเกินขีดความสามารถของหน่วยประจำพื้นที่ทาง บก.ควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าจะเป็นผู้วางแผนเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมประสานแผนการปฏิบัติกับกองทัพอากาศในการใช้เครื่องบินทหารอากาศโปรยละอองน้ำในอากาศ และหน่วยฝนหลวงภาคเหนือเพื่อทำฝนเทียมในพื้นที่ที่เกิดปัญหา การติดตามสถานการณ์และวิเคราะห์พื้นที่เป้าหมายที่เกิดจุดความร้อนสะสม โดยจังหวัดที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนมีทั้งหมด 3 จังหวัดได้แก่ จังหวัดลำปาง, ลำพูน และเชียงใหม่



พล.อ.ประวิตร กล่าวภายหลังจากที่ได้เดินตรวจดูกำลังพลและอุปกรณ์ในการดับไฟป่าว่า การเกิดปัญหาไฟป่าและ PM2.5 ก็เกิดมาจากการเผา ดังนั้นต้องไม่มีการเผา ตอนนี้ปัญหาหนักมากมาจากการเผาป่าซึ่งเกิดในพื้นที่ป่าแล้วอยู่ในพื้นที่สูง การดับไฟก็ดับยากจำเป็นต้องใช้เครื่องบินแล้วพื้นที่ดับไฟก็ต้องใช้คนและการดับไฟก็ไม่มอดหมด ซึ่งแผนในระยะยาวคือต้องไม่มีการเผาป่า ถ้าไม่มีการเผาป่าก็ไม่มี PM2.5 ให้ทุกคนเข้าใจ สร้างการรับรู้ ตอนนี้ก็มีการดำเนินการอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว พร้อมกับมีการใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด มีการจับกุมมาแล้ว 64 ราย ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่พอใจ เพราะยังมีปัญหาหมอกควันอยู่แล้วการสร้างการรับรู้กลุ่มที่มาฟังก็ไม่ได้ทั่วถึง ต้องอาศัยกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เข้าไปชี้แจง และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้เข้าใจเพราะการเผาป่าทำให้เกิดปัญหาด้านมลพิษ ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยใช้ระบบซิงเกิ้ลคอมมาน สำหรับการบังคับบัญชา ควบคุม สั่งการเพื่อให้เกิดการแก้ไขดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ชัดเจน เหมาะสม จำเป็นต้องลงไปถึงในระดับอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานความร่วมมือกับจิตอาสาทุกภาคส่วน ระดมทรัพยากร เครื่องมือช่าง และอากาศยานเข้าร่วมดำเนินการ พร้อมกับการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนให้เกิดการรักและหวงแหนป่าไม้ โดยการยุติและสกัดไฟป่าได้อย่างรวดเร็ว แล้วให้เร่งฟื้นฟูสภาพป่าไม้ที่ถูกทำลายจากการเผาป่า เพื่อให้สภาพแวดล้อมกลับคืนมา



สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ครองแชมป์อันดับ 1 ในด้านมีคุณภาพอากาศที่เป็นมลพิษสูงอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 4 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 - 14 มี.ค. 62 ซึ่งสถิติข้อมูลการเปิดไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในห้วงตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 13 มี.ค. 62 พบการเกิดจุดความร้อนสะสม ทั้งหมด 622 จุด ในปี 61 ที่ผ่านมาเกิดเพียง 344 จุด ซึ่งปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 278 จุด ขณะที่ทางจังหวัดเชียงใหม่ กำหนดไว้จนถึงเดือนพฤษภาคม ไม่เกิน 540 จุด ขณะนี้เกินจุดที่ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดไว้แล้ว ส่วนพื้นที่เกิดจุดความร้อนสะสมมากที่สุดคือ อำเภอเชียงดาว 63 จุด จอมทอง 49 จุด แม่แจ่ม 42 จุด ฮอด 32 จุด และอมก๋อย 31 จุดตามลำดับ พื้นที่เกิดไฟป่ามากที่สุดยังคงเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รองลงมาเป็นป่าอนุรักษ์, เขต สปก., เขตชุมชนและอื่นๆ และพื้นที่การเกษตรตามลำดับ