ข่าวพปชร.สายเปย์ดันค่าแรงวันละ425 ป.ตรีจัดให้20,000 - kachon.com

พปชร.สายเปย์ดันค่าแรงวันละ425 ป.ตรีจัดให้20,000
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค  นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคอีสาน  นายอนุชา นาคาศัย  ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคกลาง ร่วมแถลงข่าว เปิดหมัดเด็ดโค้งสุดท้าย  นโยบายประชารัฐ “ประเทศไทยต้อง...รวย” ด้วยพลังประชารัฐ



นายอุตตม กล่าวว่า ประเทศไทยต้องรวย คือ “รวยความสงบ รวยความสุข รวยความหวัง” ซึ่งจะนำไปสู่อนาคตที่มีความหวัง เมื่อมีความสงบ มีความสุข ความหวังต่อไปคือเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สินค้าเกษตรให้รวยอย่างมั่นคงและยั่งยืน เช่น ข้าวเจ้า 12,000 บาทขึ้นไปต่อตัน ข้าวหอมมะลิ18,000 บาทขึ้นไปต่อตัน อ้อย 1,000 บาทขึ้นไปต่อตัน ยางพารา 65 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม  มันสำปะหลัง 3 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม และปาล์มต้องทำให้ได้ราคาเป้าหมายที่ 5 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม ทั้งหมดต้องทำได้ เพราะเกษตรกรประสบปัญหามาเยอะ เราต้องยื่นมือไปช่วยฉุดเขาขึ้นมาก่อน ให้ทุกคนรวยอย่างมั่นคง ยั่งยืน รวมทั้งดูแลแรงงานขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อวัน ค่าจ้างอาชีวะ 18,000 บาทต่อเดือน ค่าจ้างปริญญาตรี 20,000 บาท



นายอุตตม กล่าวต่อว่า ส่วนพนักงานเงินเดือนจะได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  ร้อยละ 10 ในทุกขั้นบันได คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี ไม่ต้องเสียภาษี นอกจากนั้นเราจะยกเว้นภาษีเด็กจบใหม่ 5 ปี ยกเว้นภาษีค้าขายออนไลน์ 2 ปี ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องได้รับการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ยกระดับขีดความสามารถร้านค้าโชว์ห่วยใช้ดิจิทัลรวมกลุ่มผู้ค้าให้มีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิต พร้อมรับสินเชื่อ 1 ล้านบาทต่อโชว์ห่วยเพื่อปรับตัว 



นายอุตตม กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นต้องปฏิรูปเศรษฐกิจใหม่ เพิ่มรายได้ประเทศ เพิ่มรายได้ประชาชน โดยเพิ่มรายได้ประเทศเป็น 19 ล้านล้านบาท ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ สร้างการลงทุนเพื่อให้เกิดการสร้างงานเพิ่มรายได้ประเทศ 2 ล้านล้านบาท ให้ได้ภายในปี 2565 ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว 4.5 ล้านล้านบาท รวมทั้งปรับโครงสร้างภาษี ซึ่งจะทำให้เกิดรายได้ 3 แสนล้านบาทต่อปี ส่วนแหล่งที่มาของเงินที่จะนำไปใช้ดำเนินการในเรื่องต่าง มี 7 ด้าน ประกอบด้วย ปฏิรูปการจัดเก็บภาษีแบบบูรณาการ เก็บภาษีผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ การบริหารสินทรัพย์ของประเทศ ปฏิรูปกระบวนการบริหารหน่วยงานรัฐ โดวยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง โครงการเอกชนร่วมทุนขนาดใหญ่ (พีพีพี) กองทุนรวมเพื่อสังคม (เอสไอเอฟ)โครงสร้างพื้นฐาน(ทีเอฟเอฟ) เพื่อลดภาระงบประมาณของรัฐ ทั้งหมดนี้จะเป็นแหล่งรายได้ทำให้ประเทศมีเงินเพิ่มเพื่อนำไปใช้ในเรื่องอื่น ประมาณ 1.24 ล้านล้านบาทต่อปี อาทิ ทั้งนี้ยืนยันว่านโยบายของเราเมื่อจะใช้เงินก็หาเงินเป็นและทำได้จริง



ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การรวยความสงบ พรรคเรามีจุดยืนซึ่งเป็นทางออกของประเทศ ลดการเกิดเงื่อนไขที่จำกัด เป็นฝ่ายปรองดอง ลดความขัดแย้ง พรรคเราเคารพกติกาตามรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เพราะกติกาเป็นพื้นฐานแรกที่จะนำพาความสงบ ซึ่งพรรคมีจุดยืนที่จะไม่ชักนำประชาชนไปสู่ความขัดแย้งหลังการเลือกตั้งเพราะไม่มีประโยชน์ เราไม่เอาการแบ่งแยกประชาชนและประเทศ การแบ่งแยกสีเสื้อต้องไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นอำนาจที่ได้มาไม่ใช่อำนาจที่แท้จริงตราบใดที่ประชาชนยังเกลียดกัน ขอให้ทุกฝ่ายเห็นแก่อนาคตอย่านำประเทศกลับไปสู่ความขัดแย้ง อย่าให้ประชาชนรู้สึกว่าต้องต่อสู้เป็นก๊กเป็นเหล่า หรือแบ่งแยกประชาชนเพราะจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่



“ที่สำคัญพรรคพลังประชารัฐจะไม่นิรโทษกรรมให้คนผิด และจะทำทุกทางให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมมีความศักดิ์สิทธิ์ และนี่คือสูตรสำเร็จของการพาคนไทยกลับมารวยความสงบ”นายสนธิรัตน์ กล่าว



ด้านนายสุวิทย์ กล่าวว่า การรวยความสุขนอกจากความขัดแย้ง เรื่องที่สำคัญที่ต้องแก้คือเรื่องความเหลื่อมล้ำ ให้เกิดความเทียม จึงจะเกิดความสุข ซึ่งบัตรประชารัฐ เพิ่มจำนวนคนที่ได้รับและเพิ่มสิทธิจาก 14.5 ล้านคน นอกจากนั้นเราจะดำเนินนโยบายหมดนี้มีเงินออม โดยเริ่มจากการพักหนี้พักดอกเบี้ยกองทุนหมู่บ้าน ฟื้นฟูเติมทุนสร้างโอกาสกับประชาชน รวมถึงนโยบายมารดาประชารัฐ ที่เป็นนโยบายที่ทำให้ทุกคนเกิดมาแล้วต้องมีคุณภาพ ดูแลเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ขณะเดียวกันเราพร้อมจะเดินหน้านโยบายประชารัฐสร้างคน คนสร้างชาติ โดยเน้นการทำนโยบายดูแลคนตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา