ข่าว'มาร์ค'ฟุ้งประกาศไม่เอา'บิ๊กตู่'ทำหุ้นขึ้น - kachon.com

'มาร์ค'ฟุ้งประกาศไม่เอา'บิ๊กตู่'ทำหุ้นขึ้น
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการประกาศจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งผลต่อความเชื่อมมั่นของนักลงทุน ว่า ตนเห็นว่าหุ้นขึ้นมา 2 วันแล้ว และสิ่งที่นักลงทุนเป็นห่วงมากกว่า คือ ตามสากลเขาต้องการเห็นการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม เสรี เป็นธรรม ต้องการเห็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลที่เกิดขึ้นจากเสียงของประชาชนมากกว่า เพราะถ้าไม่มีการเคารพเสียงของประชาชนแล้วความขัดแย้งจะเกิดขึ้น  ตนว่าสากลเข้าใจดีเพราะเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองในระดับสากลพึงกระทำอยู่แล้ว ฉะนั้นคิดว่าคงเป็นคนละเรื่องกัน และสิ่งที่เราทำมากกว่าขณะนี้คือเราได้ฉายภาพให้เห็นว่า 10 จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สร้างความเชื่อมมั่นในการปรับโครงสร้างคืออะไร ซึ่งได้รับการขานรับอย่างดี ว่ามีความชัดเจนมากขึ้น ในทิศทางของเศรษฐกิจไทย ซึ่งพรรคแถลงครบถ้วนแล้วตรงนี้ต่างหากที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

เมื่อถามว่านายสมคิด ออกมาระบุว่า การที่นายอภิสิทธิ์ไม่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าเป็นนักบอยคอต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมาแบบสากล คำพูดของนายสมคิดเสียอีกที่บอกว่า “ถ้าไม่ให้เลือกตั้งก็ได้” สะท้อนตัวตนของท่านมากกว่า ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นการดิ้นของคนที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ แต่คำพูดอีกหลายอย่างก็ไม่เป็นความจริง ที่บอกว่าท่านมาฟื้นเศรษฐกิจ ตอนรัฐบาลประชาธิปัตย์ สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ก็ฟื้นเศรษฐกิจจนไม่เป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ ทำให้เศรษฐกิจกลับมาเป็นบวก หยุดกู้เงิน แต่ปีแรกที่นายสมคิดมาบริหารเสียอีก อัตราการเจริญเติบโตลดลง วิกฤติรอบ 2 ที่เกิดขึ้น ช่วงสมัยตนเป็นนายกฯ เราก็ฟื้นเร็วที่สุดในภูมิภาค มียุคนี้ ยุคเดียวที่ไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจจากภายนอก แต่คนจนเพิ่มขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นสถิติที่มีการพูดถึงกันมา เพราะฉะนั้นเอาความจริงมาพูดกันดีกว่า

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้วึกว่าโดนถล่ม เป็นธรรมดา มีทั้งที่ใส่ร้าย เช่น ใส่ร้ายว่าปชป.จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งชี้แจงไปชัดแล้ว ความจริงถ้าใครพูดต่อจากนี้ไปก็ถือว่าผิดกฎหมายเลือกตั้งแล้ว เพราะเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ส่วนจะทำอะไรหรือไม่นั้นตนไม่อยากทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก วุ่นวาย แต่ทำไมทุกคนไม่พูดความจริง ให้จบเรื่อง เพราะตนจะพูดแต่ความจริงอยู่แล้ว ไม่ได้ไปพาดพิงใคร และตอนนี้เมื่อมีความชัดเจนแล้ว คนที่เอาไปพูดคงอ้างไม่ได้ว่าไม่รู้ หากพูดไม่จริงจากนี้ไปจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง กกต.ต้องเข้ามาดูแล

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ ที่พล.อ.ประยุทธ์ มีการลงพื้นที่บ่อยในช่วงโค้งสุดท้าย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่มีปัญหาอะไร ตนไม่ขอตั้งข้อสังเกตอะไร เพราะทุกคนมองเห็นอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ต้องได้ 120 เสียงในการจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลักคือการรวบรวมเสียงข้างมากให้ได้ในสภา และปกติโดยธรรมเนียมแล้วพรรคที่มีคะแนนมากที่สุดก็ต้องพยายามรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลก่อน ตนจึงไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาขีดเส้นว่าจะต้องได้ 120 – 130 เสียง อย่างเรื่องภายในของพรรคประชาธิปัตย์ ตนประกาศแล้วว่าถ้าได้ไม่ถึงร้อยเสียง ตนรับผิดชอบในฐานะองค์กร ซึ่งก็เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ตนคิดว่าตอนนี้เรามาดูดีกว่าว่าบ้านเมืองจะต้องเดินไปหลังการเลือกตั้ง ความชอบธรรมชองรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นนั้นสำคัญมาก หากความชอบธรรมไม่เกิด มี 2 เรื่องที่จะตามมาคือ ความขัดแย้งและปัญหาเศรษฐกิจ เพราะประชาชนเดือดร้อนมานานแล้ว การมีรัฐบาลที่ชอบธรรมอยู่ในระอบบประชาธิปไตยที่สุจริตเท่านั้นที่จะพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่เริ่มมีการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลหน้าจะอยู่ได้ไม่นาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากเป็นประชาธิปไตยสุจริตก็อยู่ได้นาน.