'สุรทิน'ฟ้อง7กกต.ปมรับรองรายชื่อ'บิ๊กตู่'ชิงสร.1
การเมือง
-
สนับสนุนเนื่อหา
-
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 และเป็นบุคคลที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปไตยใหม่ พร้อมด้วย นายเกริกฤทธิ์ แจ้งพรมมา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 7 จ.ขอนแก่น เดินทางมายื่นฟ้อง นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กกต. รวม 7 คน กรณีกระทำการหรือละเว้นกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยไม่สุจริต หรือมีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือกระทำการอื่นใดอันเป็นการขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งคณะกรรมการ โดยมีประเด็นฟ้อง 1.ออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 11 ก.พ.62 เรื่องการแจ้งรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. โดยไม่ชอบ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ เป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา160 และมาตรา 98 (15) โดยไม่สุจริต ทั้งที่มีข้อโต้แย้ง ทักท้วง ถึงความไม่ถูกต้องถึงกกต.โดยทั้ง 7โดยตรง และโดยอ้อมจากสื่อสาธารณะโดยทั่วไปว่าประกาศกกต.ไม่ถูกต้อง 2.เมื่อมีบุคคลหลายคนขอให้ กกต.ทั้ง 7 วินิจฉัยชี้ขาดปัญหา หรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับข้อกำหนด ระเบียบ หรือประกาศของ กกต. ที่ประกาศรายชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐจะมีมติเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 22 (3) ว่าประกาศ กกต. ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ขอให้กกต.วินิจฉัยชี้ขาดปัญหา หรือข้อโต้แย้งหลายครั้งหลายคราวต่อเนื่องติดต่อกันอย่างยาวนาน แต่ กกต.ทั้ง 7 กลับไม่วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งตามที่กฎหมายข้างต้นกำหนดให้ดำเนินการจนถึงวันฟ้อง รวมเวลากว่า 1 เดือนเศษ กกต.ทั้ง 7 ไม่ดำเนินการใดๆในเรื่องนี้ทั้งสิ้น
3.ตนทั้งสองขอยืนยันว่า การฟ้องคดีครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ และต่อพรรคการเมืองทั้งหมดโดยเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช. เป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” จริง และเป็นบุคคลที่ต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 และมาตรา 98 (5)ซึ่งมีข้อกฎหมาย แนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 5/2543 แนวคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อม 211/2560 รวมทั้ง การใช้อำนาจออกคำสั่งบริหารราชการแผ่นดิน และใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ตลอดระยะเวลากว่า4 ปี หลายร้อยคำสั่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่กกต.ทั้ง 7 ในฐานะผู้มีความรู้ความสามารถ จะไม่ทราบว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ การประกาศรายชื่อ รวมทั้ง เมื่อมีผู้คัดค้านขอให้วินิจฉัยแต่กลับละเว้นการกระทำตามอำนาจของกฎหมายโดยไม่สุจริต
นายสุรทิน กล่าวอีกว่า วันนี้ตนเดินทางมาเพื่อยื่นฟ้อง กกต.รวม 7 คน โดยขอให้กกต.รีบชี้ชัดคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ เพราะใกล้วันเลือกตั้งแล้ว หากชี้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะหมดคุณสมบัติ ซึ่งมีพรรคการเมืองหนึ่งนำรูปพล.อ.ประยุทธ์ ไปหาเสียง ถ้าคุณสมบัติไม่ได้ จะเกิดความเสียหายต่อพี่น้องประชาชน ตนจึงเดินทางมายื่นฟ้องดังกล่าว โดยมาส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปไตยใหม่ ส่วนสาเหตุที่มายื่นฟ้อง เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานของบ้านเมืองว่า คนเป็นนายกรัฐมนตรี มีเงินเดือนเป็นแสนบาท ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐได้อย่างไร ตนเลยอยากให้เกิดความชัดเจน จึงมาขอพึ่งอำนาจศาลพิจารณาการกระทำของ กกต. ทั้ง 7 คน ส่วนศาลท่านจะเมตตาอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่อท 54/2562 เพื่อนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ในชั้นตรวจฟ้อง ในวันที่ 2 เม.ย.62 เวลา 09.00 น.