ข่าวชทพ.ลั่นขอเป็นทางเลือกที่3 ยกสุพรรณฯโมเดลพัฒนากทม. - kachon.com

ชทพ.ลั่นขอเป็นทางเลือกที่3 ยกสุพรรณฯโมเดลพัฒนากทม.
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่สนามฟุตบอล Super Kick กทม. นายภักดีหาญส์  หิมะทองคำ ผู้อำนวยการเลือกตั้งกทม. พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.พรรค ชทพ.จัดทำกิจกรรมปล่อยขบวนรถหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.กทม. 30 เขต เพื่อหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายในเขตกรุงเทพฯ  โดยนายภักดีหาญส์ กล่าวถึงกรณีกระเเสข่าวที่ประชาชนยังสับสนถึงสังกัดพรรคในปัจจุบัน ว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงที่ผ่านมา ถือว่าได้รับกระเเสตอบรับดี แต่ยังมีข้อกังวลในเรื่องของสังกัดพรรคตน ที่หลายคนยังคิดว่าตนยังอยู่พรรคเพื่อไทย ซึ่งความจริงแล้วตนตนได้ย้ายสังกัดมาอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว โดยที่การย้ายพรรคนั้นตนมองว่าไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิด  อีกทั้งที่ตนก็ออกมาด้วยดี ไม่ใช่ออกมาด้วยความขัดแย้ง ยืนยันว่าไม่ว่าจะอยู่พรรคไหนก็พร้อมจะทำงานการเมืองให้กับประชาชน 

"การเมืองไทยเราผ่านกันมาหลายยุคหลายสมัย เรามีเพียงแค่ 2 พรรคใหญ่ที่ครองพื้นที่ในกรุงเทพ อีกทั้งยังมีปัญหาหลายอย่างที่ไม่ได้ดูแล ดังนั้นพรรคชาติไทยพัฒนาจึงอยากจะขอเป็นทางเลือกที่ 3 ของประชาชนในกรุงเทพฯ  แม้ว่าสถานะพรรคเราจะถูกมองว่าเป็นภูธรก็ตาม วันนี้เราจะเห็นสุพรรณบุรีโมเดลเจริญแบบไหน หากพรรคชาติไทยพัฒนาได้รับเลือก เราสัญญาว่าเราจะทำให้กรุงเทพฯมีความเจริญหรือดีใกล้เคียงกับสุพรรณบุรี ซึ่งครั้งนี้ถือแรกที่พรรคชาติไทยพัฒนา ส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.ครบทั้ง 30 เขต และเรายืนยันว่าเราอยากจะปักธงให้ได้ทั้ง 30 เขตในกรุงเทพฯ ตามที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตแกนนำพรรคชาติไทยหวังไว้ " นายภักดีหาญส์

เมื่อถามต่อว่า  กลยุทธ์ของพรรคในการลงพื้นที่หาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งนั้น นายภักดีหาญส์ กล่าวว่า  ตนได้เน้นย้ำกับผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนว่า การลงพื้นที่นั้นเราต้องเข้าถึงพี่น้องประชาชน พร้อมจับเข่าคุยให้รู้ถึงปัญหาอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแห่หาเสียงเพื่อเอากระเเส แต่กลับไม่ได้ใจประชาชน ซึ่งปัญหาที่เรารับทราบมานั้นก็จะนำไปสู่นโยบายในการแก้ปัญหา เพราะยังมีหลายๆจุดที่ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหา ซึ่งทุกนโยบายของพรรคสามารถจับต้องได้  และหากได้รับการเลือกตั้งเราก็พร้อมจะผลักดันนโยบายที่เคยพูดไว้ได้ภายใน 6 เดือนแรก 

ด้านน.ส.วราไพรินทร์ ธนวริสพร ผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 กทม.กล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่ที่ผ่านมา ตนมองว่าวิกฤตทางการเมืองคือการที่ประชาชนหลายคนไม่อยากออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง  ยอมรับว่าพรรคเราไม่ได้มีกระเเสในโซเชียล แต่การลงพื้นที่ของผู้สมัครทุกคนนั้นเน้นการสร้างความเข้าใจ ให้ประชาชนเปิดรับพรรค และออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยที่พรรคเราไม่มีการพูดถึงความขัดแย้ง ทั้งนี้ตนมองว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง คือการทำยังไงก็ได้ให้ประชาชนคนรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ออกมาใช่สิทธิเลือกตั้ง นั้นคือประชาธิปไตยที่แข็งแรง ที่จะทำให้เราผ่านพ้นปัญหาวิกฤติที่เราประสบอยู่

"คนรุ่นใหม่ของพรรคชาติไทยพัฒนา เราเน้นรับฟัง ฟังความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ไม่เคยมีนโยบายการตลาดที่ทับถมใคร แต่จะเน้นการลงพื้นที่ วันนี้เราเห็นปัญหาความเดือดร้อนในกรุงเทพฯ  ซึ่งแม้ว่ากรุงเทพจะเป็นเมืองหลวง แต่ความเจริญนั้นไม่มีทุกซอกทุกมุม เราไม่เคยเลือกข้าง เราชัดเจนเพื่อการทำงานให้พี่น้องประชาชน  เรามีความตั้งใจที่จะรวมประชาชนให้เป็นหนึ่งไม่แบ่งพรรคเเบ่งพวก" น.ส.วราไพรินทร์ กล่าว.