ข่าว'ชัชชาติ'ย้ำนโยบายเพื่อไทยไม่เน้นใช้เงิน - kachon.com

'ชัชชาติ'ย้ำนโยบายเพื่อไทยไม่เน้นใช้เงิน
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. นายชัชชาติ  สิทธิ์พันธุ์ แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่เขตพระนคร ช่วย น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัครส.ส. กทม. เขต 1 พรรคเพื่อไทยหาเสียงที่ตลาดรวมยาง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของที่ตลาดต่างตื่นเต้นเข้ามาทักทาย และขอเข้ามาถ่ายภาพคู่กับนายชัชชาติจำนวนมาก บางคนนำดอกไม้มามอบให้ และสวมกอดกับนายชัชชาติด้วย

โดยนายชชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า  การลงพื้นที่วันนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่มี 2 เรื่องที่ต้องฝากคือ 1.พ่อค้า แม่ค้าหลายท่านยังไม่เข้าใจถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าจะลงคะแนนให้พรรค หรือผู้สมัครอย่างไร จึงอยากให้กกต.ทำงานให้หนักมากขึ้น เพื่อชี้แจงวิธีการกาบัตรเลือกตั้ง รวมถึงวิธีการคำนวนคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ต้องให้มีความชัดเจนมากขึ้น มีตัวอย่างประกอบ เพราะเมื่อหลายคนไม่เข้าใจจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และ 2.ปัญหาปากท้อง กำลังซื้อที่ลดลง รวมถึงปัญหายาเสพติดที่มีการระบาดมากในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยไม่ต้องรอหลังเลือกตั้งก็สามารถทำได้ และต้องรีบดำเนินการ 

เมื่อถามถึงนโยบายโค้งสุดท้ายของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ตั้งเป้าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 425 บาท และเงินเดือนของเด็กจบใหม่วุฒิปริญญาตรี เป็น 20,000 บาท  นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยกำหนดเป็นเป้าหมายไว้ ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำในอนาคตต้องมีการปรับขึ้น เพราะที่ผ่านมาปรับขึ้นไม่มาก ต้องรอให้เศรษฐกิจเข้มแข็งขึ้นก่อนจึงจะปรังค่าแรงขั้นต่ำขึ้นได้ หัวใจหลักของรัฐบาลตอนนี้ ไม่ใช่ขึ้นทันที แต่ต้องทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นก่อน เพราะจะทำให้ค่าแรงขึ้นตามไปด้วยได้ ทั้งนี้ การขึ้นค่าแรงมี 2 มิติ คือ ทำให้ประชาชนได้เงินเยอะขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการผลักคนออกจากระบบ มีการจ้างงานน้อยลง ดังนั้น นโยบายของพรรคเรามีเป้าหมายเพิ่มค่าแรงถึง 400 บาท แต่ต้องขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาดเศรษฐกิจ 



เมื่อถามว่า เป็นการแข่งขันกันโดยการนำเอาตัวเลขมาใช้ในการหาเสียง เปรียบเหมือนการใช้นโยบายเดิมๆในลักษณะเน้นประชานิยม กับประชารัฐ นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องระวังเรื่องดังกล่าว อย่างกรณีการปรับค่าแรงซึ่งเป็นภาระของภาคเอกชน รัฐบาลไม่ได้รับผิดชอบ และอาจส่งผลต่อความมั่นใจ ดังนั้น ต้องพูดให้ชัดเจนว่าการเพิ่มค่าแรงจำนวน 400 กว่าบาทนี้จะขึ้นอย่างไร และจะขึ้นเมื่อใด หรือต้องรอเศรษฐกิจดีขึ้นก่อน อย่างพรรคเพื่อไทยเราชัดเจนอยู่แล้วว่า การจะปรับขึ้นค่าแรงต้องรอให้เศรษฐกิจดีก่อน ส่วนเงินที่ต้องใช้เงินของรัฐในการจ่ายลงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องระวัง เพราะเข้าใจว่าเงินจะหมดแล้ว 

เมื่อถามถึงกรณีนายฯ ออกสารเตือนพรรคการเมืองให้ระมัดระวัง รวมถึงบอกที่มาของเงินที่จะมาใช้จ่ายตามนโยบาย นายชัชชาติ กล่าวว่า เป็นกฎหมายอยู่แล้วที่จะทำอะไรก็ต้องส่งให้ กกต. ทั้งนี้ ท่านอาจจะพูดถึงพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เพราะเขาเสนอนโยบายที่ใช้เงินเยอะ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยไม่ได้เน้นเรื่องการใช้เงิน เพราะเรารู้ว่ามีข้อกำหนดอยู่ และมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะต้องเข้าไปเป็นรัฐบาลก่อน จะเห็นสภาพที่แท้จริงว่าสถานะทางการเงินการคลังเป็นอย่างไร 

เมื่อถามถึงกรณีที่ท่าทีของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนไป โดยระบุหากอนาคตทางออกคือการจับมือกับพรรคเพื่อไทย ก็พร้อม นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด อีก 7 วันหลังการเลือกตั้ง เราชัดเจนว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่มีการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ไม่ใช่ที่ตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องนโยบาย และปรัชญาของพรรคด้วย 

เมื่อถามถึงกรณี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกฯ ระบุ หากไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นนายกฯต่อจะไม่มีนักลงทุนมาลงทุน นายชัชชาติ กล่าวว่า “จริงเหรอ ผมคิดว่าไม่น่าเกี่ยวกับตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องของความมั่นใจ และหัวใจคือการทำเลือกตั้งให้โปร่งใส ให้ทุกคนตรวจสอบได้ ส.ว.ต้องไม่ฝืนเสียงของประชาชน ถ้าทำแบบนี้ได้นักลงทุนจะมีความมั่นใจ”.