ตั้งกก.สอบ'นอภ.ท่าตะเกียบ'เหตุห้ามผู้สมัครส.ส.ตั้งเวทีปราศรัย
การเมือง
ล่าสุดมีรายงานว่านายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ลงนามในคำสั่งที่ 660/2562 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยมีนายประสงค์ คงเคารพธรรม รองผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา เป็นประธาน
ทั้งนี้นายวิศิษฐ์ สินลือนาม ผู้อำนวยการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขต 3 จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา ที่รับฟังและเข้าใจอุปสรรคปัญหาที่ โดยให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามที่ผู้สมัครส.ส.ได้สะท้อนขึ้นไป อย่างไรก็ตามตนเพิ่งทราบจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานเลือกตั้งของพรรคว่าเพิ่งได้รับสำเนาหนังสือจากนายอำเภอท่าตะเกียบลงวันที่ 12 มี.ค. ทางโทรสารระบุว่า อนุญาตให้ใช้สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเพื่อปราศรัยหาเสียงในวันที่ 13 มี.ค. ตามที่ผู้สมัครเคยร้องขอไป โดยอ้างถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ให้หน่วยราชการต่างๆสนับสนุนกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการแจ้งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทำให้ไม่สามารถเตรียมเวทีปราศรัยได้ทันเวลา และต้องยืนยันใช้พื้นที่เอกชนปราศรัยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. เนื่องจากผู้สมัครต้องแจ้งกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ล่วงหน้าว่าจะเปิดเวทีที่จุดใดตามระเบียบของกกต. ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ นายอำเภอควรจะทราบดี อีกทั้งยังมีในส่วนของการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สนใจมาฟังปราศรัยได้รับทราบด้วย
นายวิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า ข้ออ้างในหนังสืออนุญาตของนายอำเภอท่าตะเกียบนั้นขัดกับที่เคยอ้างในหนังสือปฏิเสธก่อนหน้านั้น ที่ยึดแนวนโยบายจากที่ประชุมสำนักงานเลขาธิการคสช.เมื่อวันที่ 14 ม.ค.เท่านั้น ซึ่งรายละเอียดตรงนี้นายสุชาติ ได้ประสานชี้แจงกับนายฉันท์ทางโทรศัพท์ด้วยตัวเองไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณาทบทวน แสดงให้เห็นว่านายฉันท์ ไม่ได้ติดตามและทำความเข้าใจข้อสั่งการต่างๆของรัฐบาล และคสช. ที่ออกมาหลายครั้งในการให้ส่วนราชการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแต่อย่างใด
“ข้ออ้างของนายอำเภอท่าตะเกียบที่ว่าได้ทำหน้าที่ตรงไปตรงมานั้น ต้องถามว่าเหตุใดจึงเปลี่ยนใจอนุญาต หลังที่ผู้สมัครร้องเรียนจนเป็นข่าวใหญ่ไปแล้ว อีกทั้งข้อสั่งการของราชการที่อ้างในหนังสือ 2 ฉบับก็เป็นคนละเรื่อง เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า นายฉันท์ ที่เป็นถึงนายอำเภอ เจ้าหน้าที่ปกครองระดับสูง กลับขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องกระบวนการในระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งยังขาดความรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ ที่จะต้องศึกษาหรือหาข้อมูลที่ชัดเจนเสียก่อน จนน่ากังวลว่า จะทำให้ประชาชนสับสนในช่วงเลือกตั้ง ดังนั้นผู้ว่าฯฉะเชิงเทราควรที่จะพิจารณาย้ายนายฉันท์ออกนอกพื้นที่ชั่วคราว จนกว่าการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จด้วย” นายวิศิษฐ์ กล่าว.