ข่าวพปชร.โต้'บิ๊กตู่'ขึ้นค่าแรงสูงปรี๊ดมีหลักทำงานตามขั้นตอน - kachon.com

พปชร.โต้'บิ๊กตู่'ขึ้นค่าแรงสูงปรี๊ดมีหลักทำงานตามขั้นตอน
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่สยามพารากอน นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของหลายพรรคการเมือง

โดยนายอุตตม กล่าวว่า นโยบายภาคแรงงานและภาคเกษตรฯ เราเสนอว่าประทศไทยถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ยกระดับให้ก้าวทันโลก เรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำในช่วง20ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยเกิดขึ้น จึงตัองปรับเปลี่ยนและต้องเสียสละให้เกิดการพัฒนา ควบคู่ไปกับการดูแลความเหลื่อมล้ำ ทั้งภาคเกษตรและแรงงาน แนวทางขึ้นค่าแรงของพรรคจะไม่กระทบกับผู้ประกอบการ เสนอค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 400บาท  ถึง 425 บาท หรือวุฒิปริญญาตรีประมาณ 20,000 บาท อาชีวะอยู่ที่ 18,000 บาท โดยจะดูเป็นพื้นที่เพื่อปรับให้เหมาะสมและมีกองทุนพัฒนาสำหรับนายจ้างเพื่อช่วยพัฒนาแรงงาน มีการตั้งค่าแรงกลาง โดยให้ผู้ใช้แรงงานทดสอบฝีมือเพื่อเทียบกับค่าแรงที่จะได้รับ ซึ่งนโยบายจะไม่กระทบไม่ได้มีการพูดเพื่อก่อให้เกิดเงินเฟ้อ โดยพรรคจะทำให้เกิดความเหมาะสม ฉะนั้นถ้าวันนี้เชื่อกันว่าเห็นพ้องต้องกันว่าประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจให้หลุดกับดักรายได้ปานกลาง จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนและผู้ใช้แรงงานโดยต้องเสียสละกันบ้างเพื่อเกื้อกูลกันให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถขององค์กรทางเศรษฐกิจทั้งหมดจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการโดยทำเป็นขั้นตอนเชื่อว่าระยะจะเกิดประสิทธิภาพของภาคการผลิตและการบริการซึ่งถือว่าจะทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นถือเป็นกุญแจในการยกระดับภาคเศรษฐกิจ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงได้คุยกันในพรรคอย่างไร นายอุตตม กลาวว่า การที่นายกรัฐมนตรีห่วงใยและมีสารออกมาเป็นเรื่องที่ดี โดยพูดว่าต้องระวังทุกนโยบายที่มีผลกระทบต่อประเทศ และทำได้จริงหรือไม่ เป็นการพูดในหลักการที่ถูกต้อง ส่งผลให้พรรคการเมืองแต่ละพรรค ต้องเสนอนโยบายที่ไม่กระทบและไม่สร้างผลเสียที่ตามมา ซึ่งนโยบายของพรรคพปชร.อยู่ในพื้นฐานความเป็นจริงและสอดรับกับสถานการณ์โลก ไม่ใช่ขึ้นแบบลอยๆไม่มีที่มาที่ไปแต่มีวิธีปฎิบัติที่ทำได้จริง และมีมาตรการที่จะไม่กระทบกับการลงทุนแต่จะส่งผลดีต่อการลงทุนเพราะมีแรงงานที่มีทักษะสูง และตรงกันข้ามจะดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศมากขึ้น เพื่อขยับประเทศไทยเพื่อให้ไปอยู่ในแถวหน้า ขณะเดียวกันดูแลในเรื่องของความเหลื่อมล้ำของคนไทยในสังคมเชื่อว่าเป็นโจทย์ที่ถูกต้อง สิ่งที่นายกฯกล่าวนั้นเป็นหลักการเดียวกันแต่เราจะใส่ยุทธศาสตร์ลงไปที่ทำได้จริง ซึ่งเราได้รายงานให้นายกฯได้รับทราบ

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นโยบายค่าแรงที่ถูกวิจารณ์ ไม่ใช่ประชานิยม เพราะประชานิยมคือ สิ่งที่เป็นแรงจูงใจในระยะสั้น แต่พรรคจะเปลี่ยนโครงสร้างการแข่งขันทั้งระบบ เพื่อยกระดับเอสเอ็มอี ยกระดับผู้ใช้แรงงาน และจะไม่ทำร้ายผู้ประกอบการแต่จะเกิดประโยชน์ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และจะไม่กระทบกับราคาสินค้า และส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ โดยนโยบายจะต้องหารือ3ฝ่าย และการนำนโยบายนี้ไปปฏิบัติก็จะต้องให้ความสำคัญกับร่วมมือในการพัฒนา 2 ด้านคือด้านการลงทุนในวัฒนธรรมเทคโนโลยี และการลงทุนในคนจึงจะทำงานร่วมกันของรัฐและผู้ประกอบการเพื่อยกระดับให้ผู้ใช้แรงงานมีความสามารถสูงขึ้น