'อลงกรณ์'ห่วงสัมปทานดิวตี้ฟรีผูกขาด แนะรัฐเลื่อนประมูล
การเมือง
-
สนับสนุนเนื่อหา
-
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประมูลพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) และพื้นที่เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ว่า รัฐบาลควรชะลอการเปิดประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสนามบินทั้ง 4 แห่งออกไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะไม่ยอมให้มีการผูกขาดกินรวบเอื้อประโยชน์ทุนใหญ่รายเดียวเหมือนบทเรียนในอดีต ซึ่งประเทศได้รับผลตอบแทนตลอดสัญญาสัมปทานน้อยเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ เกาหลี และญี่ปุ่น การที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เลือกใช้รูปแบบเปิดประมูล และรวบสัญญาดิวตี้ฟรีท่าอากาศยานทั้ง 4 แห่ง เป็นสัญญาเดียวไม่ใช่รูปแบบสัมปทานและลักษณะสัญญาที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ นอกจากนี้การเปิดร้านค้าปลอดภาษี และจุดรับสินค้าปลอดภาษีโดยผูกขาดสัญญาเดียวยังปิดกั้นโอกาสของประเทศที่จะเปิดกว้างสร้างรายได้จากการใช้ดิวตี้ฟรีและสินค้าปลอดภาษีเป็นเครื่องมือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้หลายแสนล้านบาทให้กับประเทศ
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า การวางรูปแบบใหม่ของดิวตี้ฟรีจะต้องเพิ่มพื้นที่ที่มีศักยภาพให้มีร้านค้าปลอดภาษีให้มากขึ้น ทั้งในและนอกสนามบิน รวมทั้งเมืองเศรษฐกิจชายแดน เช่น หนองคาย นครพนม เลย อุบลราชธานี มุกดาหาร บึงกาฬ สุรินทร์ ขอนแก่น อุดรธานี บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฉ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ยะลา นราธิวาส ภูเก็ต พังงา กระบี่ หาดใหญ่ อ.หัวหิน เมืองพัทยา กทม. ฯลฯ และที่สำคัญ จุดรับสินค้าปลอดภาษีต้องไม่ถูกผูกขาดรายเดียวเหมือนที่ผ่านมา ถ้าประมูลให้รายเดียวผูกขาดสนามบินนานาชาติหลักๆ ตั้งแต่ตอนนี้จะมีปัญหาในวันข้างหน้า
“ที่น่าแปลกใจคือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ขอให้คณะกรรมการ ทอท. พิจารณาทบทวนแนวทางการประมูลดังกล่าว โดยคำนึงถึงข้อท้วงติงของสังคมและประโยชน์ที่ทอท. และประเทศชาติจะได้รับอย่างรอบด้าน แต่ปรากฏว่าผู้บริหารทอท.กลับยืนยันเดินหน้าเปิดประมูลต่อไป นายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคมที่กำกับดูแลทอท.ช่วยตอบให้กระจ่างด้วย หรือจะปล่อยให้การบริหารงานภาครัฐเป็นแบบนี้หรืออย่างไร เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจกล้าขัดคำสั่งนายกรัฐมนตรีแบบสวนหมัดสวนคำสั่งเช่นนี้ ถ้าไม่เคลียร์ สังคมจะเข้าใจว่ารู้เห็นเป็นใจกันหรือปากว่าตาขยิบ ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลในแง่ธรรมาภิบาลความโปร่งใส” นายอลงกรณ์ กล่าว.