ข่าว'บิ๊กบัง'สอน'น้องตู่'เข้าสภาฯใช้อำนาจสั่งซ้าย-ขวาไม่ได้ - kachon.com

'บิ๊กบัง'สอน'น้องตู่'เข้าสภาฯใช้อำนาจสั่งซ้าย-ขวาไม่ได้
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึง กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ตอบรับนั่งแท่นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ ถือเป็นแนวทาง เพียงแต่ประเด็นชี้เป้าไปที่พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีคุณลักษณะส่วนตัวเป็นการเฉพาะ ซึ่งประชาชนคนไทยไม่น้อยที่ชอบการแสดงออกในลักษณะอย่างนี้ แต่ก็มีทั้งชอบและไม่ชอบบ้าง จะเห็นว่าการเมืองบ้านเรามีสองขั้วแบ่งกันค่อนข้างชัดเจน ถือเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งคิดเหมือนกันไม่ได้อยู่แล้ว ฉะนั้นคิดต่างกันก็เป็นธรรมดา แต่ที่สำคัญเมื่อมีผู้ปกครองเข้ามาปกครองในอีกสถานะหนึ่งแล้วจะทำให้ประชาชนทะเลาะกันคงไม่ได้ เพราะหากเข้าไปในสภาแล้วเกิดการแบ่งเป็นสองขั้วอีก ตนก็เป็นห่วง  ซึ่งพรรคชทพ.ถึงได้บอกว่า คำว่าก้าวข้ามความขัดแย้งเป็นปรัชญาในการปกครองประเทศของไทยเรา

เมื่อถามว่า เสียงวิจารณ์เรื่อง คสช.รัฐประหารเข้ามาเพื่อต้องการสืบทอดอำนาจ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นตัวกำหนดมากกว่า ดังนั้น ประชาชนจะต้องพิจารณาว่าจะสืบทอดจริงหรือไม่ เพราะประชาชนต้องใช้วิจารณญาณของตัวเองว่าชอบแบบไหน แล้วเอาไหนจริงหรือไม่จริง 

เมื่อถามว่า ในฐานะรุ่นพี่อยากฝากอะไรถึง พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า “วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีแนวความคิดเข้ามาบริหารประเทศด้วยความจริงใจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่กระแสการเมืองบ้านเรานั้น บอกว่าทำดีบางทีก็บอกไม่ดี ถือเป็นเรื่องวาทกรรมทางการเมือง ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์เองต้องมีความหนักแน่นให้มากที่สุด เมื่อจะเข้ามาอยู่การเมืองก็ต้องมีการเตรียมตัวที่จะเผชิญ ที่ผ่านมา 5 ปียังไม่ได้เจอสิ่งที่หนักๆ ถ้าเกิดเข้าไปอยู่ในสภาได้ก็ต้องเตรียมรับสิ่งที่หนักกว่านี้ จึงอยากจะฝากบอกไว้ว่าต้องหนักแน่นมากขึ้น”

เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะที่เคยเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่แล้วพัฒนามาเป็นนักการเมือง อยากแนะนำอะไร พล.อ.ประยุทธ์อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่างที่ตนบอกแล้วว่าทหารสั่งลูกน้องได้หมด บอกขวาหันก็ขวาหัน แต่ว่าการเมืองมันไม่ใช่ การเมืองจะต้องมีเหตุมีผล ดังนั้นจึงมีบทสรุปของมันในเฉพาะเรื่อง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเผชิญสิ่งเหล่านี้ก็ต้องว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรคือประโยชน์ของชาติมากที่สุด ตรงนี้เป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องคิด ส่วนอนาคตพล.อ.ประยุทธ์ จะสอบผ่านหรือไม่นั้น ตนมองว่าพล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องเตรียมตัวว่าจะต้องรับอะไร ถ้าไม่เตรียมตัวจะเหนื่อย เมื่อถามว่า 5 ปีที่ผ่านมาคิดว่าเสียของหรือไม่ ตนคิดว่าเราอย่าไปคิดว่าเสีย ทุกอย่างไม่มีอะไรเสีย เพียงแต่เป็นวาทกรรม เพราะทุกอย่างที่ผ่านมาดีไปตามขั้นตอน ทุกอย่างไม่ว่าใครจะทำอะไร ย่อมมีวิกฤติในเวลานั้นที่เกิดขึ้นมา ดังนั้นทุกคนต้องแก้วิกฤติในเวลานั้นให้ผ่านไป เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ขอเรียนว่าก็มีข้อดีอยู่หลายเรื่อง แต่ถ้ามองข้อเสียมันก็เสียวันยันค่ำ แต่เอาข้อดีมาพูดดีกว่าว่าทำอะไรบ้าง โดยภาพรวมอยากให้พวกเรามองแต่สิ่งดีๆ พูดแต่สิ่งที่ดีกัน แล้วบ้านเมืองเราจะไปได้

เมื่อถามถึง กรณีขณะนี้ฝ่ายการเมืองโจมตี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จนถูกมองว่ากองทัพเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายการเมือง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า วันหนึ่งหากพรรคการเมืองใดก็ตามขึ้นมาเป็นรัฐบาล วันนั้นเขาต้องมีความรักความผูกพันกับกองทัพอยู่แล้ว เพราะกองทัพเป็นเครื่องมือของรัฐบาล วันนี้เป็นช่วงเวลาหาเสียงเท่านั้น

ส่วนความเห็นที่บางพรรคการเมืองเสนอให้ยกเลิกเกณฑ์ทหาร และให้ตัดงบกองทัพด้วย ตนคิดว่าไม่มีโลกไหน หรือประเทศไหนที่เขาลด แต่เมื่อเขาได้มาเป็นรัฐบาลแล้วเขาย่อมต้องดูแล 

เมื่อถามถึง กรณีรัฐบาลถูกวิจารณ์เรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ตรวจราชการจังหวัด จนถูกมองว่าใช้งบหลวงหาเสียง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เชื่อว่า กกต.คงตรวจสอบและดูอยู่ หากทำอะไรที่เกินเลยก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำ แต่เชื่อว่าที่ปรึกษาของนายกฯคงให้คำแนะนำในสิ่งที่เหมาะควรแล้ว และประชาชนเข้าใจและมองเห็นว่าอะไรถูกหรือผิด ดังนั้น วันนี้ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนแล้ว เวลา 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรที่เหมาะสมมากน้อยแค่ไหน ประชาชนคงเห็นแล้ว