'ชัชชาติ'แนะกกต.เร่งแก้ข้อผิดพลาดก่อนเลือกตั้ง24มี.ค.นี้
การเมือง
ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ป้ายรถเมล์หน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ตรงข้ามอู่รถเมล์บางเขน) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรค อาทิ นายอนุสรณ์ ปั้นทอง, นายการุณ โหสกุล, นายสุรชาติ เทียนทอง, นายประพนธ์ เนตรรังษี, นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ, และร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธิ์ ได้เดินทางโดยรถเมล์จากหน้ากรมทหารราบที่ 11 ไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต เพื่อขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีรถไฟฟ้าสยามเพื่อสำรวจปัญหาการจราจรของคนกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ตลอดทางมีประชาชนมาขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก โดยนายชัชชาติระบุว่า นี่คือทีมอเวนเจอร์กทม. และกทม.ลุย! ทั้งนี้ คณะของนายชัชชาติได้สอบถามเรื่องการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ การใช้บัตรสวัสดิการในการใช้บริการขนส่งสาธารณะ และปัญหาปากท้องกับประชาชนตลอดเส้นทาง ด้วย อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่อยู่บนรถเมล์นั้น มีประชาชนที่ใช้บริการอยู่บนรถเมล์ได้บอกกับนายชัชชาติด้วยว่า อยากให้เป็นนายกฯ อยากให้ได้ประชาธิปไตยคืนมา เบื่อแล้วเผด็จการ
นายชัชชาติ กล่าวว่า สำหรับการแก้ปัญหาด้านระบบขนส่งสาธารณะนั้น หลังจากลงพื้นที่พบว่ามีการก่อสร้างหลายโครงการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าโดยสารที่สูงขึ้น อีกทั้งยังมีเจ้าของในหลายโครงการ อาทิ บางโครงการเป็นของกทม. บางโครงการเป็นของรฟม. ซึ่งประชาชนต้องเดินทางหลายต่อจึงป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ โดยนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้นมีแนวคิดที่จะรวมให้มีการจัดการเพียงหนึ่งเดียวแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก เพราะมีการเปิดสัมปทานโครงการ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องศึกษาในจุดนี้เพื่อหาทางออกในการควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมต่อประชาชนที่สุด
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือเรื่องปัญหารถเมล์ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางของคนกรุงเทพฯ เปรียบเสมือนเส้นเลือดฝอยที่จะเชื่อมโยงทุกพื้นที่ แต่ปัจจุบันมีปัญหาซึ่งจุดนี้ต้องเร่งรัด อย่างน้อยต้องมีรถเมล์ 4,000 คัน ซึ่งจะเป็นรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรถเมล์ต้องมีสองขนาด แยกเป็นขนาดปกติและขนาดเล็ก เพื่อจะใช้ในพื้นที่ให้เหมาะสม และต้องเปลี่ยนแปลงให้มีการใช้ตั๋วร่วมโดยใช้ใบเดียวเพื่อไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า ซึ่งรถเมล์ปัจจุบันมีประมาณ 214 สาย และหลายสายวิ่งทับเส้นทางกัน รวมทั้วกำหนดราคาไม่เกิน 15-20 บาท ทั้งนี้ หัวใจสำคัญคือ ปัจจุบันประชาชนไปอยู่ชานเมืองมากขึ้น เพราะค่าที่ดินในตัวเมืองแพง ซึ่งจะทำให้เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน ซึ่งจะเป็นภาระหนักต่อไป ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องเร่งดำเนินการตรงนี้ถ้าเราเข้ามาเป็นรัฐบาล
นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว “oak panthongtae shinawatra” โดยระบุข้อความว่า น้องสาวตน ทั้งเอมและอิ๊งค์ ออกไปเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้ว ส่วนตนจะกลับจากฮ่องกงมาเลือกตั้งตรงวัน คือวันที่ 24 มี.ค. วันนี้ในโซเชี่ยลตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับข้อขัดข้องในการเลือกตั้งล่วงหน้ากันเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็จะลงที่ กกต.กัน ยิ่งมีข่าวว่า กกต.ไม่อยู่ประชุมในช่วงเตรียมการเลือกตั้ง และบินไปดูงานต่างประเทศกัน พอการเลือกตั้งล่วงหน้าออกมาไม่เรียบร้อย ก็ย่อมโดนตำหนิเป็นธรรมดา แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราไม่ค่อยได้พูดถึงกัน และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ กกต.โดนตำหนิ ทั้งๆที่เป็นการกำหนดแผนการของคนอื่นก็คือ การกำหนดกฎเกณฑ์การเลือกตั้ง ที่ระบุว่าให้ทั้ง 350 เขตเลือกตั้ง จับสลากเบอร์เลือกตั้งกันเอง ทั้งๆที่การกาบัตรเลือกตั้งในใบเดียวกันนั้น เป็นการเลือกทั้ง ส.ส.เขต และปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคนั้นๆด้วย
ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายพยายามทักท้วงไปยัง กกต.แล้วว่า ให้แต่ละพรรคฯ จับฉลากเบอร์เดียวกันทั้งประเทศเถิด จะได้ง่ายต่อการจดจำ บัตรเลือกตั้งก็จะเหมือนกันทั้งหมด ไม่มีการสับสน งบประมาณก็ใช้น้อยกว่า ผลสัมฤทธิ์ของงานอำนวยการเลือกตั้ง ก็จะดีขึ้นเป็นเงาตามตัว ถูกกว่า-ดีกว่า ว่างั้นเถอะ จุดประสงค์ของการกำหนดกติกาแบบนี้ ไม่ทราบว่ามีข้อดีอย่างไรนะครับ แต่ข้อเสียมีแน่ๆ คือคนจะสับสนและกาผิดพลาดกันเยอะ โดยเฉพาะพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย ที่มีคนตั้งชื่อพรรคและโลโก้พรรคแทบจะเหมือนกัน เช่น พรรคเพื่อนไทย พรรคเพื่อคนไทย รับรองว่าคนที่ดูไม่ละเอียด หรือผู้สูงอายุหูตาฝ้าฟาง ต้องมีกาผิดพลาดบ้างแหละ ประชาชนไม่ได้สับสนอย่างเดียว เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ขนาดอบรมกันมาดีแล้ว ยังสับสนผิดๆถูกๆแทบจะทุกหน่วย หยิบบัตรผิดเขต หรือพิมพ์บัตรผิดมาแต่แรกก็ไม่ทราบ ดูข่าวจากในโซเชี่ยลสับสนอลหม่านแทบจะทุกหน่วย ส่งผลให้คิวข้างหลังรอกันเป็นชั่วโมง แถวยาวเหยียดเลยทีเดียว
บัตร 350 เขตไม่ซ้ำกัน เบอร์พรรคก็ไม่เหมือนกัน แต่ให้เลือก ณ จุดเดียวกัน โดยมีคนมาเลือกนับหมื่นคนในวันเดียว ก็ต้องชุลมุนเป็นธรรมดา นี่ดีนะที่เดือนก่อนนั้น กกต.ไม่ได้บ้าจี้ยอมไม่ใส่ชื่อและโลโก้พรรคฯ ตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ ไม่อย่างนั้น วันนี้จะอลหม่านถึงขั้น กกต.จะยิ่งเละเป็นโจ๊กโดนระเบิดเลยทีเดียว เหลืออีก 7 วัน ขอให้กำลังใจ กกต. และขอให้เตรียมการให้ดี จะได้ดอกไม้หรือได้ก้อนอิฐซ้ำสอง อยู่ที่ความโปร่งใสในวันเลือกตั้งจริง เพราะการเลือกตั้งตามเขตในวันจริง ไม่มีเหตุการณ์สับสนใดๆที่น่าเป็นห่วง ถ้าเตรียมการมาดี พิมพ์บัตรถูกต้อง ดังนั้นที่สำคัญที่สุดคือความโปร่งใส อันจะทำให้เราได้ประชาธิปไตยที่ใสสะอาด เชื่อว่าวันที่ 24 มี.ค. คนไทยที่รักประชาธิปไตยทั้งประเทศ ฝากความหวัง และรอที่จะมอบดอกไม้ (ไม่ใช่ก้อนอิฐ) ให้กับ กกต.ทุกท่านที่ทำการเลือกตั้งให้โปร่งใส ด้วยจิตใจที่เป็นธรรม.