กรมอุทยานฯขอให้ปชช.มั่นใจเสือดำไม่ตายฟรี
การเมือง
Webmaster
2019-03-21 15:17:00
10
Webmaster
2019-03-21 15:17:00
10
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ตัดสินคดีล่าสัตว์ป่าของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธาน บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวก โดยจำคุกนายเปรมชัย 16 เดือน และยกฟ้องข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) ว่า ขณะนี้กรมอุทยานฯ ให้ฝ่ายกฎหมายคัดลอกฉบับเต็ม เพื่อนำมาวิเคราะห์ และจะมีการประชุมหารือกันอีกครั้งว่าจะเพิ่มเติมประเด็นไหนที่สามารถต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ได้ โดยกรมอุทยานฯ เชื่อว่าถึงอย่างไรตัวนายเปรมชัย ก็ต้องอุทธรณ์อยู่แล้ว เพราะว่าเขาไม่ยอมติดคุกอย่างแน่นอน เนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาไม่รอลงอาญา ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากรมอุทยานฯ จะตั้งใจทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด โดยไม่ยอมให้เสือดำต้องตายฟรี
ด้านดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ในฐานะอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า กรณีการเข้าไปล่าสัตว์ป่าของนายเปรมชัยและพวกนั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นในป่าจึงหาพยานยาก จะใช้ประจักษ์พยานลำบาก ซึ่งก็ต้องสู้กันต่อไปทั้ง 3 ศาลถึงศาลฎีกาว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่แต่ละฝ่ายมี อย่างไรก็ตามกรณี พ.ต.ท.ล่ากบทูดในเขตอุทยานฯ แก่งกระจานศาลชั้นตกก็ยกฟ้อง แต่สุดท้ายเรื่องนี้กลับเข้ามาในชั้นอุทธรณ์และฎีกา จึงต้องต่อสู้ในชั้นศาลต่อไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ทุกคนสงสัยในเรื่องการยกฟ้องกรณีการครอบครองซากเสือดำและเก็บหาของป่า ซึ่งเชื่อว่าทางกรมอุทยานฯ ก็ต้องดำเนินการอุทธรณ์ในประเด็นนี้ต่อไป อย่างไรก็ตามคาดว่ากรมอุทยานฯ น่าจะยื่นอุทธรณ์ในมาตรา 38 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 ที่ระบุว่าห้ามมิให้ผู้ใดยึดถือหรือครอบครองที่ดินหรือปลูกหรือก่อสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือตัด โค่นแผ้วถาง เผาหรือทำลายต้นไม้ หรือพฤกษชาติ อื่นๆ ไปด้วย เพราะมีการปรับพื้นที่ตัดฟันต้นไม้ เพื่อตั้งแคมป์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ซึ่งความผิดตามมาตรานี้มีโทษสูงมาก คือ จำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งมากกว่าโทษในการล่าและครอบครองซากสัตว์ป่า.
ด้านดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ในฐานะอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า กรณีการเข้าไปล่าสัตว์ป่าของนายเปรมชัยและพวกนั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นในป่าจึงหาพยานยาก จะใช้ประจักษ์พยานลำบาก ซึ่งก็ต้องสู้กันต่อไปทั้ง 3 ศาลถึงศาลฎีกาว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่แต่ละฝ่ายมี อย่างไรก็ตามกรณี พ.ต.ท.ล่ากบทูดในเขตอุทยานฯ แก่งกระจานศาลชั้นตกก็ยกฟ้อง แต่สุดท้ายเรื่องนี้กลับเข้ามาในชั้นอุทธรณ์และฎีกา จึงต้องต่อสู้ในชั้นศาลต่อไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ทุกคนสงสัยในเรื่องการยกฟ้องกรณีการครอบครองซากเสือดำและเก็บหาของป่า ซึ่งเชื่อว่าทางกรมอุทยานฯ ก็ต้องดำเนินการอุทธรณ์ในประเด็นนี้ต่อไป อย่างไรก็ตามคาดว่ากรมอุทยานฯ น่าจะยื่นอุทธรณ์ในมาตรา 38 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 ที่ระบุว่าห้ามมิให้ผู้ใดยึดถือหรือครอบครองที่ดินหรือปลูกหรือก่อสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือตัด โค่นแผ้วถาง เผาหรือทำลายต้นไม้ หรือพฤกษชาติ อื่นๆ ไปด้วย เพราะมีการปรับพื้นที่ตัดฟันต้นไม้ เพื่อตั้งแคมป์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ซึ่งความผิดตามมาตรานี้มีโทษสูงมาก คือ จำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งมากกว่าโทษในการล่าและครอบครองซากสัตว์ป่า.
