ข่าวสพฐ.ปรับเงื่อนไขโควตารับเด็กป้องแป๊ะเจี๊ยะ  - kachon.com

เมื่อวันที่ 21 มี.ค. นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงถึงผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการของ ป.ป.ช. และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการไปดำเนินการ และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) มีมติให้ สพฐ. ปรับนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี ดังนั้น สพฐ. จึงยกเลิกนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ลงวันที่ 9 พ.ย. 2561 และให้ใช้ประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2562 ลงวันที่ 22 ก.พ.2562 แทน

โดยมีประเด็นสำคัญ อาทิ กรณีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ 7 ข้อ ได้มีการยกเลิกหลักเกณฑ์ 3 ข้อ ให้คงเหลือไว้ 4 ข้อ คือ (1) นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้บริจาคที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อจัดตั้งโรงเรียน ซึ่งมีเงื่อนไขและข้อตกลงร่วมกันมาก่อนมติคณะรัฐมนตรี ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 (2) นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส (3) นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติหรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และ (4) นักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครูและบุคลากรของโรงเรียน ส่วนเงื่อนไขพิเศษที่ได้มีการยกเลิกไป คือ (1) นักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้าย (2) นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจหรือโรงเรียนคู่พัฒนาหรือโรงเรียนเครือข่าย และ (3) นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ส่วนการรับนักเรียนชั้น ม.1 ที่มีการแข่งขันสูง ให้รับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการร้อยละ 60 และรับนักเรียนทั่วไปด้วยวิธีการสอบคัดเลือกร้อยละ 40 และต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ ขณะที่การกำหนดนิยาม คุณสมบัติ และหลักเกณฑ์การเป็นนักเรียนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนให้มีความชัดเจนและเข้มงวดขึ้น นอกจากนั้นให้โรงเรียนแจ้งค่าใช้จ่ายและรายละเอียดการเก็บเงินบำรุงการศึกษาไว้ในประกาศการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อของแต่ละโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองได้รับทราบไว้โดยชัดเจน และห้ามมิให้โรงเรียนดำเนินการเอื้อประโยชน์โดยให้สิทธิพิเศษหรือโควตาแก่สมาคมผู้ปกครองและครู สมาคมศิษย์เก่า หรือสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับด้านการศึกษาของแต่ละโรงเรียน ในลักษณะที่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในการฝากเด็กเข้าเรียนหรือในลักษณะการมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน เป็นต้น

นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังมีมติเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดทุกจังหวัด ลงพื้นที่สุ่มติดตามและสังเกตการณ์การรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ร่วมกับ สพฐ. และกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งรายงานผลการติดตามและสังเกตการณ์ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงใกล้กำหนดระยะเวลาการรับสมัครนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ระหว่างวันที่ 22 – 27 มี.ค.2562 ทั้งนี้จากการลงพื้นที่สุ่มติดตามและสังเกตการณ์การรับนักเรียนของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุกปี จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะของโรงเรียนทั่วประเทศ และลดปัญหาการทุจริตในระบบการศึกษา เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน.