พท.ลั่นเป็นนักบริหารมืออาชีพ รุมสกัดหมดเวลาของ'บิ๊กตู่'
การเมือง
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นฐานล่างที่จะสร้างตึกที่เปรียบเสมือนประชาชน โดยจะจับมือกับนายชัชชาติร่วมกันสร้างฐานรากให้แข็งแรง ให้ประเทศไทยทัดเทียมนานาประเทศ ส่วนนโยบายท่องเที่ยว พรรคเพื่อไทยจะเติมกำลังซื้อให้คนในประเทศ และจะปฏิรูปเรื่องการเกษตรและสุขภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น เชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพ ส่วนการศึกษาต้องเปิดทางให้เกิดความหลากหลาย ขณะที่ปัญหายาเสพติดต้องหมดไปจากประเทศ ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนต้องเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างถล่มทลาย เพื่อเข้าไปเป็นหัวหอกต่อสู้กับส.ว. 250 เสียงที่รัฐบาลคสช.เลือกเข้ามาโดยไม่ผ่านเสียงของประชาชน พรรคเพื่อไทยจะไม่ปล่อยให้ประเทศล้าหลังและสิ้นหวังอย่าง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตัดโอกาสคนรุ่นใหม่ที่จะใช้ศักยภาพตัวเองสร้างรายได้ รวมถึงโอกาสของประชาชนคนทั้งประเทศ เพราะรัฐบาลปัจจุบันตลอด 5 ปีที่ผ่านมาใช้งบประมาณ 13 ล้านล้านบาท แต่ล้มเหลวโดยสะท้อนผ่านตัวเลขจีดีพี ทำให้เกิดภาวะรวยกระจุก จนกระจาย ใช้เงินเก่ง แต่หาเงินไม่ได้
“หมดเวลาแล้วที่พล.อ.ประยุทธ์จะสืบทอดอำนาจผ่านกลไกของรัฐธรรมนูญ ผ่านองค์กรอิสระ ธุรกิจของโลกยุคใหม่ก็ไม่มีการช่วยเหลือ และยังดึงต่างชาติเข้ามาแต่ไม่เหลียวมองคนตัวเล็กในประเทศไทย ดังนั้นต้องเลือกอย่างถล่มทลายผ่านยุทธศาสตร์ในการส่งเพื่อไทยเข้าไปต่อสู้กับผู้มีอำนาจ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกเพื่อไทยเข้าไปสกัดกั้นส.ว. และเพื่อไทยจะสร้างความสงบสุขที่อยู่บนพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี เคารพเสียงประชาชน ไม่สร้างความเกลียดชัง เดินหน้าหาพันธมิตรไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ย้ำว่าเพื่อไทยจะไม่เป็นเหยื่อของความขัดแย้ง”คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันเทรนด์ทั่วโลกประชาธิปไตยตอนนี้เริ่มถดถอย โดยมี 2 ประเด็นหลักคือ ตายด้วยปืน และตายโดยคนที่อาศัยประชาธิปไตยเข้ามาสู่อำนาจหรือเป็นเผด็จการ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างนี้ ทั้งนี้ ประชาชนต้องเลือกให้ดีว่าจะเลือกคนที่ไม่เลื่อมใส ระบอบประชาธิปไตย โดยใช้ช่องทางของรัฐธรรมนูญ และปิดปาก ปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน มีแนวคิดล้มล้างประชาธิปไตยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนได้พูดเรื่องเวลามีค่าหลายครั้งแล้ว ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมาโดยส่วนตัวเห็นว่าประเทศเสียโอกาสหลายกรณี อาทิ การตรวจสอบความโปร่งใส ในอนาคตเราจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ จะมีผลกระทบมากมายมหาศาล
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ผู้บริหารมืออาชีพไม่ใช่การสร้างวาทกรรม เพราะหากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล เราไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเจ้าของประเทศ แต่พรรคเพื่อไทยมีวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งดูแลสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น และสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นผู้บริหารอาชีพ นอกจากนี้ ต้องมองอนาคตด้วยความเข้าใจบริบทของสังคม ไม่ใช่ความเพ้อฝัน โดยมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ถ้าไม่สามารถทำตามสัญญาได้ประชาชนก็ไม่เลือกพรรคเพื่อไทยในสมัยหน้า ส่วนเรื่องธุรกิจ ด้านการขนส่งพรรคเพื่อไทยต้องทำให้กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ร่วมกันได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ กฎหมายบางข้อต้องถูกแก้ไข ขณะที่การศึกษา ต้องเปิดช่องทางให้ภาคเอกชนเข้าถึงการสร้างหลักสูตร ซึ่งในจุดนี้พรรคเพื่อไทยมีนโยบายสำหรับการพัฒนาประเด็นเหล่านี้ไว้แล้ว.