นายกฯปักธงในใจมีความรัก-ความสามัคคี
การเมือง
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ตอนหนึงว่า บทเพลงพระราชนิพนธ์ กับศาสตร์พระราชาฯ ทุกเพลงมีความสอดคล้องกันหมด เปรียบเสมือนคำสอนของพ่อกับลูก สะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยชาติบ้านเมือง ทั้งนี้สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ทรงสร้างบ้านแปงเมืองมา 800 ปี ถือว่ายาวนานมากกว่าหลายประเทศในโลกนี้ พระองค์ทรงปลูกฝังให้ชนรุ่นหลังนั้นได้ร่วมกันทำความดี ด้วยจากใจของตัวเอง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันก็ได้ทรงให้รักษา สืบสาน ต่อยอดจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ
“สำหรับเพลงเราสู้นะ เป็นท่วงทำนองที่ดุดัน ปลุกขวัญ ปลุกกำลังใจ เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร สมัยที่เรามีคอมมิวนิสต์ เพราะสมัยนั้นความแตกแยกเกิดขึ้นมากมาย ความคิดเห็นไม่ตรงกัน พระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์เพลงนี้ออกมา ในเรื่องของเพลงชะตาชีวิตก็เช่นเดียวกัน สะท้อนถึงปรัชญาชีวิตให้ทุกคนนั้นมีความหวังอยู่เสมอ ระยะหลังทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย ทำให้พระองค์ทรงไม่มีเวลาที่จะพระราชนิพนธ์เพลงเพิ่มเติมจาก 48 เพลง โดยเพลงสุดท้ายที่ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ก็คือเพลงเมนูไข่ ส่วนเพลงพระราชนิพนธ์ที่ชื่นชอบก็มีเพลงพรปีใหม่ รวมถึงประทับใจเพลงประจำมหาวิทยาลัยและหน่วยทหารต่างๆ อาทิ เพลงมหาจุฬาลงกรณ์ เพลงยูงทอง เพลงเกษตรศาสตร์ เพลงมาร์ช ราชนาวิกโยธิน เพลงเรา- เหล่าทหารราบที่ 21 เพราะผมเคยเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยนี้ หรือที่เราเรียกกันว่าเป็นเพลงทหารเสือนวมินทร์มหาราชินี ส่วนเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจคือเพลงความฝันอันสูงสุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เราต้องระลึกอยู่เสมอว่าสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ทุกยุคทุกสมัย มีความผูกพันใกล้ชิดกับพสกนิกร นอกเหนือจากพระราชกรณียกิจแล้วรัชกาลที่ 9 ได้ทรงสื่อสารผ่านบทเพลงบทกวีมากมาย เช่น 48 บทเพลงพระราชนิพนธ์แล้วยังทรงเข้าใจว่าพสกนิกรของพระองค์ท่าน อารมณ์ศิลปินละเอียดอ่อนและอ่อนไหว เพราะฉะนั้นคนไทยก็จะมีสมาธิ มีความร่วมใจเกิดขึ้นมา เพราะคนไทยชอบฟังเพลงทุกคน เพราะฉะนั้นแง่คิดของพวกเราในบทเพลงเหล่านี้ก็คือว่า สร้างกำลังใจ สร้างความหวังแล้วก็ดำเนินการ ให้ความหวัง ความฝันต่างๆ ให้เป็นความจริงให้ได้ ด้วยตัวเราเอง ประเทศไทยเราต้องรวมความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ ปักธงในใจของพวกเราทุกคนให้มุ่งมั่นในความรัก ความสามัคคี ตนไม่ขออะไร ขอแค่ความรักสามัคคีคืนมา จะต้องไม่มีความขัดแย้งอีกต่อไป
“ปักธงในใจของเรา ปักธงชาติเข้าไป ทุกคนต้องยอมรับ ต้องถวายความจงรักภักดีให้กับพระองค์ท่านมากๆ คือกว่า 70 ปี ในการครองราชย์ พระองค์ทรงนึกถึงประชาชน ทำให้ทรงมีแรงบันดาลใจ มีกำลังใจที่จะทำให้แผ่นดินต่อไป ให้พี่น้องประชาชน วันนี้ก็มีภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ด้วย ทางไซเบอร์ ก่อการร้าย อาชญากรข้ามชาติ ประเทศไทยถือว่าน้อยที่สุดแล้ว เราต้องเตรียมมาตรการรองรับสิ่งเหล่านี้ด้วย เพื่อให้ประเทศชาติปลอดภัยอย่างที่พระองค์ท่านท่านทรงคาดหวังไว้กับเรา พระองค์ทรงพระราชทานสิ่งนี้เป็นมรดกให้เรา ทั้งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พระราชา บทเพลงพระราชนิพนธ์ ในการทรงงานของพระองค์ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา และในช่วงที่ทรงประชวรอยู่ ก็ไม่ได้หยุดทรงงาน จนกระทั่งทุกอย่างเดินหน้าไปได้จนถึงทุกวันนี้ อีกอันที่ผมชอบและเกี่ยวโยงกับบทเพลงพระราชนิพนธ์ด้วย ก็คือบทกลอนที่คุณนภาลัย สุวรรณธาดา แต่งไว้ และตรงกับสถานการณ์ในวันนี้ที่ว่าทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า อย่าลืมบทเพลงพระราชนิพนธ์ บทกลอนดีๆ หลายรัชกาลพระราชทานไว้ เราอยู่คนเดียวไม่ได้ในโลกใบนี้ มีประเทศไทยอยู่ประเทศเดียวที่ไหน และเราเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในทุกอย่าง อย่าทำให้ศักยภาพเหล่านี้มันหายไป.