ข่าวนักวิชาการชี้'ภท.'ถือแต้มต่อ โอกาสจับมือพปชร.สูง   - kachon.com

นักวิชาการชี้'ภท.'ถือแต้มต่อ โอกาสจับมือพปชร.สูง  
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ดร.สติธร ธนานิธิโชติ รักษาการผอ.สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า กล่าวทิศทางการเมืองหลังเลือกตั้งว่า ปรากฎการณ์ล้มช้างพรรคประชาธิปัตย์ อย่างพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น ไม่มีอะไรตื่นเต้น เพราะคะแนนที่ออกมาคือก้อนเดิมที่แยกเป็น 2 ขั้วเหมือนเดิม โดยประชาธิปัตย์ซึ่งมีเพื่อนคือพรคพลังประชารัฐก็เทคะแนนให้พลังประชารัฐ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสกัดเพื่อไทยและอนาคตใหม่ได้ เพราะหากแตกกันมีโอกาสที่จะแบ่งคะแนนและโอกาสแพ้สูง อาจจะด้วยความกลัวของคนด้วย เพราะถ้าต้องเลือกระหว่างพลังประชารัฐหรือประชาธิปัตย์เขาจะดูว่าอันไหนจะสู้สิ่งที่เขากลัวได้มากกว่า และสิ่งที่เขาเลือกก็คือพลังประชารัฐ แต่คะแนนก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร เอาคะแนน 2 ก้อนมารวมกัน 2 ฝั่ง เพื่อไทยกับอนาคตใหม่ ประชาธิปัตย์บวกพลังประชารัฐก็คือะแนนก้อนเดิมของปี 2554
 
ดร.สติธร กล่าวต่อว่า ส่วนปรากฏการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ปกติแล้วประชาธิปัตย์แพ้ในกรุงเทพฯ  ไม่ค่อยแปลก สมัยก่อนพอประชาธิปัตย์แพ้ในกรุงเทพฯ แต่ยังมีภาคใต้ แต่รอบนี้ภาคใต้เสียไปเยอะพอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจุดยืน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ออกมาลุย ตอนหลังแม้นายชวน หลีกภัย จะออกมาช่วย แต่ก็ทำให้เห็นความไม่เป็นเอกภาพของประชาธิปัตย์ และในพื้นที่จริงๆ คนเขาค่อนข้างจะเบื่อประชาธิปัตย์มาสักระยะแล้วเพียงแต่ไม่มีทางเลือกอื่น ขณะที่คู่ต่อสู้ในภาคใต้ใช้ยุทธวิธีบอกว่าเลือกแต่คนเดิมแต่กลับไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วทำไมยังไปเลือกอีก ซึ่งยุทธวิธีนี้สำเร็จ พอขายได้ จุดติดประชาธิปัตย์ก็เลยล้มหลายพื้นที่ โดยพลังประชารัฐ และภูมิใจไทยตีไปหลายพื้นที่
 
ดร.สติธร กล่าวอีกว่า ส่วนสูตรการจัดตั้งรัฐบาลก็เหมือนที่คุยกัน เพราะหลังเลือกตั้งการเมืองแบ่งเป็น 2 ขั้วชัดเจน เอาตัวเลขมารวมก็คล้ายเดิม เพียงอนาคตใหม่อาจจะเข้ามามากกว่าที่คาด แต่เพื่อไทยก็น้อยกว่าที่คาด เป็นความผกผันปกติ สุดท้ายหากคะแนนรวมนิ่งอยู่แค่นี้ จะทำให้พรรคเพื่อไทยและพันธมิตรมีเสียงเกิน 250 ไปนิดเดียว ยังเสี่ยงโดนดูดได้ แล้วโอกาสที่จะไปชิงเอาทุกพรรคที่เหลือ แล้วโดดเดี่ยวพลังประชารัฐให้เป็นพรรคฝ่ายด้านพรรคเดียว จะได้สส. 376 เสียง มาเลือกกันเองไม่ต้องพึ่ง สว. ก็ค่อนข้างยากอยู่ กลายเป็นว่าความชอบธรรมของพลังประชารัฐที่อ้างว่า 1.คนเลือกเขามากกว่าเพื่อไทยในแง่ของจำนวนเสียง แม้ว่าที่นั่งจะน้อยกว่า 2. เขาเป็นขั้วที่มากกว่าประชาธิปัตย์ และตอบโจทย์สำคัญได้อันหนึ่ง และเป็นพรรคที่นั่งเกินร้อย คู่กับเพื่อไทย ดังนั้นหากเขารวมเสียงได้ และมีมือสว.ยกให้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้เปรียบชัดเจน
 
เพราะฉะนั้น โอกาสที่พลังประชารัฐจะรวมพรรคต่างๆ พรรคขนาดกลาง เช่น ภูมิใจไทยเข้ามาอยู่ในขั้วก็ง่ายกว่า ทั้งนี้ เพราะจุดยืนภูมิใจไทยก็ก้ำกึ่ง ที่ผ่านมาบอกว่าจะเลือกนายกฯ ที่มาจากเสียงข้างมากของสส. หมายความว่าใครรวมเสียงได้ 250 สส.ก็โอเค เขาปฏิเสธแนวทางเอาแค่ 126 สส. แล้วไปรวมเสียงสว. 250 แล้วเลือกนายฯ แบบนั้นเขาไม่เอา แต่ตอนนี้มีแนวโน้มว่า 2 ฝั่งมีโอกาสรวมเสียง สส.ได้ 250 แต่ปัญหาข้อหนึ่งคือการได้ 250 ขึ้นอยู่กับตัวเขาว่าจะเลือกอยู่ซ้ายหรือขวา ส่วนตัวเชื่อว่าหากฝั่งประชาธิปไตยรวมกันแล้วได้ต่ำกว่า 250 ภูมิใจไทยไปทางพลังประชารัฐแน่ ดังนั้นหากพลังประชารัฐอยากจะได้ภูมิใจไทยต้องรวมเสียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าฝั่งประชาธิปไตยจะมีเสียงไม่ถึง 250 ตัวเลขอาจจะเป็นแบบนี้ แต่เขาอาจจะดึงเอาพรรคฝั่งประชาธิปไตยหลวมๆ มาอยู่ด้วย อย่างที่บอกฝ่ายเพื่อไทยรวมได้เกินครึ่งสภา แต่นายกฯ ยาก ฝั่งประชารัฐได้นายกฯ ง่ายกว่า เพราะมี 250 สว. ดังนั้นดูทิศทางภูมิใจไทยน่าจะไปทางฝั่งพลังประชารัฐ เพราะดูทิศทางราบรื่นกว่า.