เปิดชื่อ'แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์' ส.ส.ใหม่โค่นแชมป์เก่าราบคาบ
การเมือง
จากกรณีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่าผู้สมัครสส.บางราย ซึ่งเคยเป็นสส.ในจังหวัดของตัวเองและมีฐานเสียงที่มั่นคง ประชาชนในพื้นที่มีความมั่นใจช่วยให้คะแนนจนเป็นส.ส.ได้หลายสมัย แต่ก็ยังปรากฏว่า มีหลายพื้นที่ส.ส.หน้าเดิมต้องพลาดการเป็นส.ส. เพราะความแรงของผู้สมัครหน้าใหม่ ได้สร้างความเชื่อมั่นให้ชาวบ้านอย่างต่อเนื่องมากกว่า ดังเช่นที่เป็นข่าวครึกโครมอย่างกรณีของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรรม ที่ถูก นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ อ๋อง จากพรรคอนาคตใหม่ เข้ามาล้มแชมป์อย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้เดลินิวส์ออนไลน์จึงขอรวบรวมความเคลื่อนไหวของนักการเมืองหน้าใหม่ที่ล้ม นักการเมืองรุ่นเก่าทั้งที่เป็นฐานเสียงของพรรคไว้ดังนี้
จ.สตูล แชมป์เก่าโดย "นายฮอซาลี ม่าเหร็ม" ผู้สมัคร พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสส.มาแล้ว 3 สมัย ถูกคลื่นลูกใหม่ที่สร้างความฮือฮาอย่าง นายวรศิษฏ์ เลียงประสิทธิ์ หรือ โกแพ อายุ 30 ปี ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) บุตรชายของ นายสมเกียรติ เลียงประสิทธิ์ นักธุรกิจมหาเศรษฐีจังหวัดสตูล และ ยังเป็นหลานชายของ นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธ์ นายกอบจ.สตูล เข้ามาเป็นส.ส.แทนที่ ด้วยนโยบายใหม่ ๆ ที่จะเร่งพัฒนาการศึกษา ท่องเที่ยวและกีฬา จึงสามารถเอาชนะแชมป์เก่าไปด้วยคะแนนท่วมท้น 48,999 / 12,393 (คะแนนอย่างไม่เป็นทาง)
จ.นครปฐม "ตระกูลดัง" ถูกแย่งเก้าอี้ส.ส.ไปได้แบบพลิกความคาดหมาย ทั้งนี้ปกติแล้ว ตำแหน่ง ส.ส.จะเป็นของ 2 ตระกูลใหญ่ คือ แก้วพิจิตร และสะสมทรัพย์ ซึ่งครั้งนี้ ตระกูลแก้วพิจิตร ยังคงรักษาตำแหน่ง สส.ประจำเมือง(เขต1)เอาไว้ได้นั่น อย่างเหนียวแน่น นั่นคือ "พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร" พรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ตระกูลสะสมทรัพย์ จากเดิมที่ต้องได้ถึง 4 เขต กลับกลายเป็นบิ๊กเซอร์ไพรซ์ เพราะได้มาเพียง เขตที่ 2 เท่านั้น คือ นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา บุตรชายของนายไชยา สะสมทรัพย์ อดีต รมว.สาธารณสุข ส่วนเขต 3 และ 5 ตกเป็นของ น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา และ น.ส.จุมพิตา จันทรขจร จากพรรคอนาคตใหม่ ส่วนเขต 4 ตกเป็นของ นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ จากพลังประชารัฐ
จ.ตรัง เกิดการพลิกล็อก เมื่อแชมป์เก่าหลายสมัยและเป็นฐานเสียงประชาธิปัตย์อย่าง นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง ลงสมัครในเขต 1 กลับถูก นายนิพันธ์ ศิริธร พลังประชารัฐ อดีตรอง ผวจ.ตรัง กวาดคะแนนไปได้มากกว่า ทั้งที่เป็นเขตเมืองหลวงตรังของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย มีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอยู่ในเขตเลือกตั้งนี้ด้วย สร้างความประหลาดใจให้คนในพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างมาก
จ.อุบลราชธานี แชมป์เก่าถูกโค่นแชมป์แบบผิดคาด โดยเขตเลือกตั้งที่ 3 "โยธากาญจน์ ฟองงาม" ลงสู้กับ "สจ.เปิ๊ล" นส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี พรรคเพื่อไทย ผู้สมัครหน้าใหม่ถอดด้ามที่ประกาศสู้แบบไม่กลัว ปราฏว่าฝ่าย "สจ.เปิ๊ล" ได้คะแนนอย่างล้นหลาม เช่นเดียวกับ เขตเลือกตั้งที่ 4 "เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ" ย้ายสังกัดจากพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนค่ายมาสังกัดเพื่อไทย สามารถเอาชนะ "ตวงทิพย์ จินตะเวช" พรรคพลังประชารัฐ ลูกสาวของแชมป์เก่า "ตุ่น จินตะเวช" ได้ด้วยคะแนนล้นหลามเช่นกัน ส่วน เขตเลือกตั้งที่ 6 "ธนะสิทธ์ โค้วสุรัตน์" พรรคพลังประชารัฐ พี่ชาย "สิทธิชัย โค้วสุรัตน์" ลงทุ่มสุดตัวเพื่อเอาชนะ "พิสิษฐ์ สันตะพันธ์" พรรคเพื่อไทยแชมป์เก่า แต่เป็นการต่อสู้กันเองระหว่างพี่เขยกับน้องเมีย ปรากฏว่า ฝ่ายพี่เขย (พิสิษฐ์) พ่ายเสียแชมป์ด้วยคะแนนเพียง 31,007 โดยที่ผู้ชนะได้คะแนน 31,311คะแนน สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 9 "ประภูศักดิ์ จินตะเวช" พรรคเพื่อไทยลูกชาย "ปัญญา จินตะเวช" หน้าใหม่ถอดด้ามล้มแชมป์เก่าอย่าง "สุชาติ ตัณติวนิชชานนท์" ที่ส่งศรีภรรยา "รำพูล ตัณติวนิชชานนท์" พรรคพลังประชารัฐ อดีตประธานสภาจังหวัดอุบลราชธานีลงแทน
จ.พระนครศรีอยุธยา เขต 3 พื้นที่ล้มช้าง เมื่อ "นายวิทยา บุรณสิริ" อดีต รมต.กระทรวงสาธารณสุขและเป็นหัวหอกสำคัญของเพื่อไทย กลับพ่ายแพ้คะแนนให้แก่ "นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล" จากภูมิใจไทย ทั้งที่กระแสการเมืองคนในพื้นที่มองว่า นายวิทยาอาจเข้าไม่ถึง แต่แท้จริงแล้วกลับเข้าถึง และทำคะแนนสุด ๆ ประกอบกับ นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้เป็นแม่ให้กำลังใจสู้แบบไม่ยอมแพ้ เข้าไปดูแลหารือด้านการพัฒนาท้องถิ่น ทำให้ผู้นำชุมชมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านประทับใจ หันมาเลือก "นายนายสุรศักดิ์" กันถ้วนหน้า
จ.ขอนแก่น "นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร" หรือ "เสี่ยเต่า" จากพรรคเพื่อไทย 7 สมัย เขต 1 ถูกล้มด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างของ "นายฐิตินันท์ แสงนาค" จากพรรคอนาคตใหม่ โดยเสี่ยเต่าเข้าไปจับมือแสดงความยินดี พร้อมยอมรับว่าไม่สามารถสู้กระแสกับคนรุ่นใหม่ได้ ขณะที่นายฐิตินันท์ ยังคงยืนยันหลักการเดิมคือเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอาการสืบทอดอำนาจ
จ.เพชรบุรี เมื่อพลังประชารัฐกวาดเรียบ 3 ที่นั่ง โค่น ประชาธิปัตย์ แชมป์เก่า ที่เคยเป็น ส.ส.เพชรบุรี หลายสมัยชนิดราบคาบ โดยเขต 1 พื้นที่เมืองแต่เดิมเป็นของ "นายอรรถพร พลบุตร" พรรคประชาธิปัตย์ กลับถูก "นายกฤษณ์ แก้วอยู่" พรรคพลังประชารัฐ เอาชนะไปด้วยคะแนนอย่างล้นหลาม เช่นเดียวกับเขตที่ 2และ 3 คือ "นายสาธิต อุ๋ยตระกูล" และ นายสุชาติ อุสาหะ จากพรรคพลังประชารัฐ ก็ที่เอาชนะผู้สมัครสส.ประชาธิปัตย์ และ ภูมิใจไทยไปได้เช่นเดียวกัน.