พปชร.โวตั้งรบ.สัญญาณบวก ชี้'แมวดำ'ตัดหน้าจะจับ'หนู'ได้
การเมือง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่มีการจัดตั้งรัฐบาลที่มูลนิธิป่ารอยต่อนั้น นายสนธิรัตน์ บอกว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้แล้วว่าไม่มีการพูดคุยกัน ส่วนพลังประชารัฐมีการเจรจาเช่นนั้นหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบ แต่เมื่อมีผู้ปฏิเสธแล้ว แสดงว่าไม่เป็นน่าจะเป็นความจริง โดยส่วนตัวก็คุยกันข้างนอก ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
เมื่อถามย้ำ ถึงการจัดตั้งรัฐบาลต้องมีผู้ใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบันร่วมเจรจาด้วยหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเราก็คุยของเราตามที่ได้รับมอบหมายจากพรรคและได้มีการพูดคุยกันแล้ว การหารือมีทิศทางเป็นบวก ขอให้สบายใจ ส่วนเรื่องต่อรองตำแหน่งเวลานี้ ถึงว่ายังเร็วไปที่จะพูดเรื่องนี้ เมื่อถามว่า การเจรจาตอนนี้ได้ ส.ส.มากกว่า 280 ที่นั่งแล้วหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เอาเป็นว่าพรรคมั่นใจ ไม่ต้องเร่งรีบ เพราะยังมีเวลาอยู่ และต้องรอดูอีกหลายอย่าง เอาเป็นว่าภาพรวมภาพใหญ่ เป็นภาพที่เป็นทิศทางบวก ขอยืนยันว่าพรรคมั่นใจที่สามารถดำเนินการได้ตามที่ประสานงานกันไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทุกพรรคการเมืองที่จะมาร่วมรัฐบาลยอมให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ยังไม่ทั้งหมด ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่ว่าหลักการของพรรคเวลาจะไปเจรจากับใคร จะไม่เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปล่อพรรคการเมืองอื่นให้มาร่วมรัฐบาล เพราะเราไม่สามารถรวมรัฐบาลและเอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแลกเปลี่ยน เราไม่ทำแบบนั้น
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยอ้างสิทธิในความชอบธรรมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะมีจำนวน ส.ส.ที่มีมากกว่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องพวกมากลากไป เราเคารพทุกเสียงไม่ว่าเสียงนั้นที่ลงคะแนนจะทำให้ผู้สมัครได้รับเลือกตั้งหรือไม่ เราเคารพทุกเสียงของประชาชน เราแตกต่างจากหลายพรรคการเมือง เพราะพรรคได้ ส.ส.ครบทุกภูมิภาค ขณะที่บางพรรคอาจมี ส.ส.ที่เรียกว่า ภาคนิยมเท่านั้น ทำให้บัญชีรายชื่ออาจจะไม่ได้รับการเลือกตั้งเลย ดังนั้นจะเห็นว่าการเลือกตั้งลักษณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเกิดปัญหาเหมือนในอดีต ซึ่งพรรคยืนยันและเคารพเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทั่วประเทศ
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า ณ วันนี้พรรคพลังประชารัฐถือว่ามีความชอบธรรมในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นรอง เพราะเรื่องหลักต้องดูว่า พรรคที่เป็นรัฐบาลมีเสียงมากพอหรือไม่ เป้าหมายอยู่ตรงนี้ว่า ใครรวมเสียงได้มากจนตั้งรัฐบาลได้ นั่นคือความชอบธรรมที่แท้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ติดต่อกับพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือยัง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขอสงวนชื่อพรรคไว้ก่อน เพราะเรามการพูดคุยกันอยู่ตลอดในหลากหลายด้าน ไม่ใช่แค่พรรคใดพรรคหนึ่ง
เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทย อาจยื่นข้อเสนอให้นายอนุทิน ชาญววีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตรงนี้ถือเป็นสิทธิ์ของทุกพรรคที่จะเสนอกัน แต่เราไม่ใช้วิธีการอย่างนั้น เพราะเราเคารพในเสียงประชาชน วันที่เราหาเสียงเรารณณงค์ว่า หากได้รับความไว้วางใจ เราจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เรายืนยันเจตนารมณ์เช่นนั้น
“หากใครเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ต้องเสนอพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เราจะไม่เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมอบให้กับใคร เราจะไม่ยอมเป็นพรรคที่เป็นผู้นำ แต่ต้องเอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไปแลกเพื่อให้เป็นรัฐบาล นี่คือจุดยืนของพรรคที่เป็นประชาธิปไตยและเคารพสิ่งที่ได้หาเสียงกับประชาชนไว้”เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวถึง การร้องเรียนให้มีการเลือกตั้งซ่อมในบางพื้นที่ว่า ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่เริ่มมีเสียงร้องเรียนในบางพื้นที่ ของพรรคเองบางเขตก็อาจจะมีการร้องเรียนเช่นกัน ทั้งนี้ต้องรอให้ กกต.สรุปผลในเบื้องต้นก่อนว่า การเลือกตั้งในบางเขตที่มีปัญหาจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่มีผลต่อจำนวน ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ แต่ตอนนี้ยังมีเวลาไม่ต้องรีบ ขอให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสพูดคุยกันและตัดสินใรจร่วมกันก่อน
เมื่อถามย้ำว่า จะเจรจาตั้งรัฐาลเสร็จภายในเดือนมี.ค.นี้เลยหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เมื่อไรก็เมื่อนั้น เราตกลงกันเสร็จเมื่อไร ก็แถลงข่าวร่วมกันแค่นั้นเอง
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 27มี.ค. ตั้งแต่เวลา09.00น.เป็นต้นไป ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพ พร้อมด้วยผู้บริหารของพรรค จะขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชนทั่วประเทศ โดยยังไม่มีแผนที่จะเชิญพล.อ.ประยุทธ์ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งเบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฝากคำขอบคุณมาถึงประชาชนแล้ว เช่นเดียวกับผู้สมัครของพรรคที่ยังเดินสายขอบคุณประชาชานอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ส่วนกรณีที่มี “แมวดำ”วิ่งตัดหน้าพล.อ.ประยุทธ์ ในขณะที่กำลังเดินขึ้นไปประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในช่วงเช้าวันนี้นั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวอย่างติดตลกด้วยว่า “ไม่จริง ผมดูจากภาพแมวอยู่ตั้งห่าง และน่าจะเป็นแมววิ่งไล่จับหนู ผมมองว่าเป็นมงคล แมวอาจจะกำลังจะจับหนูได้ก็ได้”
ผู้สื่อข่าวยังได้ถามย้ำอีกว่า แต่ “หนู” เปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นรูป “พริก”เผ็ดร้อนไปแล้ว นายสนธิรัตน์ กล่าวติดตลกว่า อาจเป็นเรื่องของรสชาติ เป็นพริกก็ทำให้อาหารมีรสชาติมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปอีกว่า ถ้ามี “งูเห่า”ด้วย ใครจะได้จับ “หนู”ก่อนกัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า “อย่าเพิ่งคิดไปไกล เดี๋ยวจะปวดหัวไปกันใหญ่”.