ข่าวไขสงสัย'พท.'ชนะเลือกตั้ง แต่อาจได้'ลุงตู่'นั่งนายกฯ - kachon.com

ไขสงสัย'พท.'ชนะเลือกตั้ง แต่อาจได้'ลุงตู่'นั่งนายกฯ
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. บนโลกออนไลน์มีการแชร์บทวิเคราะห์การเลือกตั้ง โดยนายชัยพนธ์ ชวาลวณิชชัย (ครูชัย) นักการตลาดดิจิทัล ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Chaiyapon Chai Chawanwanitchai ในวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า “ทำไมพรรคเพื่อไทยเลือกตั้งชนะ แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาล”

1.ด้วยกติกาในรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับนี้ ต้องแยกคุยกัน 2 เรื่อง การจัดตั้งรัฐบาล กับ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

2.อธิบายเรื่องการโหวตเรื่องนายกก่อน สำหรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้ทั้ง สส. และ สว. โหวตเลือกนายกฯ ร่วมกัน โดย สส. มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ 500 คน ส่วน สว. มาจากการสรรหาของ คสช. จำนวน 250 คน รวมกัน 750 คน ผู้ที่จะได้เป็นนายกฯ ต้องได้เสียงเกินครึ่ง คือจำนวน 376 เสียง

3.ถ้าลุงตู่จะเป็นนายกฯ มีเสียง สว. ตุนอยู่แล้ว 250 เสียง จึงจำเป็นต้องหาเพิ่มแค่ 126 เสียง ซึ่งตอนนี้มีแล้ว 117 เสียง การเป็นนายกฯ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นโอกาสไปเกิน 95% แล้ว

4.แต่เหนือการได้เก้าอี้นายกฯ คือการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต้องมี สส. ฝ่ายรัฐบาลเกินครึ่งหนึ่งของ สส. ทั้งหมด (ไม่เกี่ยวกับ สว. แล้ว) นั่นคือทั้งหมด 500 คนครึ่งหนึ่งคือ 251 คน

5.เพราะนายกฯ และคณะรัฐมนตรี จะต้องออกกฎหมาย จะต้องออกงบประมาณทั้งหมดผ่านสภา สส. ถ้าโหวตแต่ละทีไม่เกินครึ่ง แปลว่าเป็นนายกฯ ที่มีแค่ตำแหน่ง ทำงานไม่ได้ เสนออะไรก็ไม่ผ่าน คือทำงานอะไรไม่ได้เลย

6.ที่ร้ายแรงกว่าคือถ้าถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจปุ๊บ เกินครึ่งคือ 251 โหวตไม่ไว้วางใจ จะหลุดตำแหน่งนายกฯ ทันที

7.ดังนั้นต่อให้มี สว. ทั้งหมดในมือได้เป็นนายกฯ แน่ ๆ แต่ไม่เกี่ยวอะไรโดยตรงเลยกับการรวมเสียง สส. ส่วนใหญ่ จัดตั้งรัฐบาลที่ต้องการเกิน 251 เสียง (ยิ่งเกินเท่าไหร่ยิ่งสบายใจ)

8.แต่ปัญหาคือ พรรคที่ประกาศเข้าข้างลุงตู่มีน้อยเหลือเกิน คือ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ของลุงกำนันซึ่งแพ้ สส. เขต รูดแบบหลุดลุ่ยได้ทั้งหมดแค่ 5 เสียง ตอนนี้พรรคลุงตู่มี 117 เสียง รวมกับพรรคลุงกำนัน 5 เสียง รวมเป็น 122 เสียง ยังขาดอีกอย่างน้อย 129 เสียงถึงจะเกินครึ่ง

9.พรรคที่ประกาศเป็นกลาง พร้อมเข้าร่วมกับพรรคที่ได้เป็นรัฐบาล คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มี 54 เสียง ภูมิใจไทย 51 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ถ้าทั้ง 3 พรรคนี้โอเคหมดจะได้บวกเพิ่ม 115 เสียง รวมเป็น 237 เสียง ซึ่งยังไม่พออยู่ดี



10.และใช่ว่า 3 พรรคนี้จะเข้าร่วมแน่นอน เพราะต้องเจรจาต่อรองกันหนักหน่วงแน่นอน เห็นไหมว่าลุงตู่จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ง่ายเลย แต่ลุงตู่ว่าไม่ง่ายแล้ว ทางฝั่งเพื่อไทยกลับยากกว่ามากแม้เป็นผู้ชนะอันดับหนึ่ง

11.ตอนนี้พรรคเพื่อไทย รวมกับพรรคที่ไม่เอาลุงตู่ เพื่อไทย 135 อนาคตใหม่ 86 เสรีรวมไทย 11 เศรษฐกิจใหม่ 6 ประชาชาติ 6 เพื่อชาติ 5 รวม 249 เสียงแค่นั้น ก็ยังไม่พอที่จะตั้งรัฐบาล

12.แต่ที่ยากกว่ารัฐบาล คือ โหวตเลือกนายก ที่ต้องเอาชนะ สว. 250 คน คือ ต้องรวมเสียงให้ได้เกิน 376 เสียง (ใครงงย้อนกลับไปอ่านข้อหนึ่ง) ซึ่งตอนนี้ฝั่งไม่เอาลุงตู่ขาดอีก 127 เสียง

13.ต่อให้ทั้ง 3 พรรคที่เป็นกลาง คือ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมทั้งหมดก็จะได้มาอีก 115 เสียง ยังไม่พออยู่ดี

14.สิ่งดีที่สุดเท่าที่ฝั่งไม่เอาลุงตู่จะทำได้ คือ รวมเสียง สส. ให้มากที่สุด แล้วใช้สังคมไปกดดัน สว. ให้เสียงแตกแทน

15.พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง มีธรรมเนียมและมารยาททางการเมือง ที่จะได้ลองเจรจารวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลก่อน

16.แต่คุณอุตตม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อ้างว่าเขานับกันที่เสียงประชาชน ไม่ใช่เสียง สส. ซึ่งพลังประชารัฐได้เสียงประชาชนสูงสุด เลยมีสิทธิ์ติดต่อเจรจาก่อนเช่นกัน

17.กลายเป็นว่า ไม่รู้ใครเสียมารยาททางการเมือง ทั้งสองพรรค คือ เพื่อไทยและพลังประชารัฐ ตอนนี้เริ่มยกหูโทรศัพท์แล้ว

18.แต่คนที่แสดงสปิริต และแสดงความเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง คือ ธนาธร พรรคอนาคตใหม่ บอกเคารพพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง และพรรคนั้นควรได้เสนอชื่อนายกฯ พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อตัวเองเป็นนายกฯ

19.จริง ๆ การที่อนาคตใหม่มีเสียงเป็นอันดับสาม ด้วย สส. ถึง 86 ที่นั่ง มีอำนาจต่อรองตำแหน่งนายกฯ ได้สบาย ๆ แต่กลับไม่ใช่จังหวะนี้ในการฉวยจังหวะ

20.คนที่ถูกจับตาเลยกลายเป็นพรรคภูมิใจไทย ที่มีเสียงเข้ามาเป็นอันดับ 5 ที่ 51 ที่นั่ง มีเสียงวิจารณ์ว่า มีโอกาสเจรจาต่อรองถึงนายกฯ ส่วนประชาธิปัตย์แม้มี 54 ที่นั่ง แต่ตอนนี้ไร้หัวหน้าพรรค ในขณะนี้จึงไม่มีแคนดิเดตนายกไปแล้ว



21.แถลงการณ์ของคุณหญิงหน่อย ตอบคลุมเครือเรื่องนายกต้องมาจากเพื่อไทยไหม นั่นแปลว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

22.แต่เรื่องจริงคือลุงตู่มี สว. ในมือ มีโอกาสเป็นนายกฯ แน่ๆ เมื่อเป็นนายกแน่ ๆ เลยมีสิทธิตั้งรัฐมนตรีแน่ ๆ อำนาจต่อรองเลยสูงกว่ามาก

23.รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ถูกกับเพื่อไทยมานาน ท้ายที่สุดแล้วเข้ากับลุงตู่แน่นอน ทำให้สูตร สส. ของลุงตู่ คือ พรรคลุงตู่ 117 พรรคประชาธิปัตย์ 54 พรรคลุงกำนัน 5 รวมเป็น 176 แล้ว

24.ถ้าสูตรนี้เป็นไปได้ นั่นแปลว่าเหลือ สส. ในสภา 500 - 176 = 324 คน ต่อให้คุญหญิงหน่อยรวมได้ทั้งหมด (ซึ่งยากมาก) ก็ไม่พอที่จะโหวตนายก ตอนมี สว. มาร่วมโหวตด้วยที่ต้องการ 376 เสียงได้

25.ดังนั้นยากเหลือเกินที่ฝั่งไม่เอาลุงตู่จะได้เป็นรัฐบาล ถามว่าเป็นไปได้ไหม คำตอบคือ ได้ แต่ต้องมีปาฏิหาริย์เท่านั้น ที่คุณชัชชาติ คุณธนาธร พลเอกเสรีพิสุทธิ์ ลุงมิ่ง จะได้เป็นรัฐบาล เพราะหนทางริบหรี่เหลือเกิน

26.ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นได้คือ ฝั่งไม่เอาลุงตู่ รวมเสียงภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนาได้ รวมถึงพรรคเล็กพรรคน้อยอื่น ๆ ได้ 300 เสียงขึ้นไป ถ้าเป็นการเลือกตั้งครั้งอื่น ๆ ถือว่าชอบธรรมที่สุดแห่งการเป็นรัฐบาลแล้ว ซึ่งจะอาศัยความชอบธรรมนี้กดดัน สว. ต่อไป และหวังปาฏิหาริย์ว่าจะกดดันได้

27.จริง ๆ ทุกอย่างจะง่ายกว่านี้ ถ้าไม่มี สว. มาเกี่ยวในการโหวตนายกฯ เหมือนทุก ๆ ครั้งของการเลือกตั้งที่เคยเป็นมา

28.แต่ถ้าไม่มีส่วน สว. ฝั่งลุงตู่ก็แทบจะหมดลุ้นไปแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตามตัวเลขในภาพนี้เป็นตัวเลขไม่เป็นทางการ และนับไปแล้ว 94% อาจมีขยับนิดหน่อยภายหลังได้ แต่คงไม่มากขนาดเปลี่ยนแปลงอะไรได้

29.สุดท้ายแล้ว ถ้าเกิดรัฐบาลขึ้นจริง โอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุดก็เป็นฝั่งลุงตู่ที่จะได้เป็น ผมว่าฝั่งเพื่อไทยก็รู้ดี แต่ต้องการเล่นเกมจิตวิทยา ตัดกำลัง สส. ฝั่งรัฐบาลให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อสุดท้ายไปเล่นงานในสภาตอนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแทน

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเมืองที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร และในรอบ 20 ปี ตั้งแต่ยุคทักษิณเป็นต้นมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่คะแนนขี่คอกันขนาดนี้ การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้จึงเป็นการวัดสกิลการล๊อบบี้ วัดการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ วัดไหวพริบทางการเมือง ชิงเล่ห์ชิงเหลี่ยม หักเหลี่ยมเฉือนคมที่มันและเดือดที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย.

ขอบคุณที่มา @Chaiyapon Chai Chawanwanitchai
ขอบคุณภาพ : @คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan, @ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha