ข่าวชี้พท.ตั้งรัฐบาลเสี่ยงเจองูเห่าพ่นพิษในสภา - kachon.com

ชี้พท.ตั้งรัฐบาลเสี่ยงเจองูเห่าพ่นพิษในสภา
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยแถลงข่าวรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ว่า เป็นการสะท้อนภาพขั้วของเพื่อไทยยังจับมือกันอย่างเหนียวแน่น แต่หากประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในอีก 60 วันข้างหน้า ไม่รู้ว่าตัวเลขสส.จะมีการขยับปรับเปลี่ยนหรือไม่ เพราะถ้าดูตัวเลขตอนนี้ 255 ค่อนข้างจะปริ่มน้ำมาก หากมีการปรับเปลี่ยนเนื่องจากอาจจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ในบางเขต หรือปรับจากการรวมส.ส.บัญชีรายชื่อ อาจจะมีการพลิกได้ตลอด นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังเป็นที่น่ากังวลว่าหากไม่มีส.ส.บัญชีรายชื่อได้เข้าไปเลย หมายความว่าบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคไม่สามารถไปคุมยุทธศาสตร์ของส.ส.ในสภาได้ นั่นหมายความว่าจะทำให้เกิดกลุ่มงูเห่าได้ เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นองค์กรการเมืองขนาดใหญ่ มีหลากหลายกลุ่ม มีหลายความคิด ทัศนคติ ดังนั้น 255 เสียง ยังเป็นอะไรที่ไม่มีเสถียรภาพเลย

รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวต่อว่า การประกาศรวมเสียงวันนี้อาจจะมีผลในการชิงพื้นที่จากพรรคพลังประชารัฐในแง่ของความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทยมีจำนวนที่นั่งมาเป็นอันดับ 1  แต่หากไม่ชิงประกาศก่อนจะลำบาก เพราะ พรรคพลังประชารัฐก็อ้างเหตุป๊อบปูล่าโหวต หรืออ้างว่ามีส.ส.ครบทุกภูมิภาค ก็เป็นอีกหนึ่งชุดคำอธิบาย แต่แน่นอนในระบบรัฐสภาแบบผู้แทน เพื่อไทยก็ชอบธรรมกว่า ทั้งนี้เมื่อดูแล้วนับเป็นความได้เปรียบคนละอย่าง เพื่อไทยได้เปรียบตรงเสียงส.ส.ในสภา ส่วนพปชร.ได้เปรียบเรื่องเสียง ส.ว.ดังนั้นในสภาวะแบบนี้ ตนคิดว่าภูมิใจไทยเป็นตัวชี้ว่าทิศทางการเมืองถ้าไปทางไหนก็ทำให้ฝ่ายนั้นได้เป็นรัฐบาล เชื่อว่าภูมิใจไทยจะยังไม่ประกาศแสดงจุดยืนจนกว่าจะมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง การประกาศของเพื่อไทยครั้งนี้ก็เพื่อส่งสัญญาณถึงภูมิใจได้เห็นถึงความมีเสถียรภาพ เพราะถ้าภูมิใจไทยเข้าร่วมก็จะเท่ากับว่ามีเสียงแตะ 300 เสียง จะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ และใช้กดดันส.ว.ได้

รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามพรรคภูมิใจไทยถือไพ่ 2 ด้าน มีทั้งได้เปรียบและเสียเปรียบในเวลาเดียวกัน เช่น ถ้าสนับสนุนเพื่อไทย นายอนุทิน ชาญวีรกุญ หัวหน้าพรรคมีโอกาสเป็นรัฐมนตรีสูง แต่มีโอกาสถูกครอบงำจากพรรคเพื่อไทยสูง และจะไปกันได้กับพรรคที่อยู่ในขั้วนั้น อย่างอนาคตใหม่ได้หรือไม่ เพราะเขามีจุดยืนพิเศษของ นี่คือข้อจำกัด แต่หากไปอยู่กับพลังประชารัฐ โอกาสมีอิสระในการทำงานมากกว่า แต่คงไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะพปชร.สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฉะนั้นภูมิใจไทยจะรักษาสถานการณ์ความได้เปรียบของเขาเอาไว้ ต้องรอดูอีกระยะ ส่วนโพลหนุนนายอนุทินนั่งนายกฯ นั้นอาจจะมีเหตุผล แต่ต้องเข้ากับขั้วพรรคเพื่อไทย เพราะคนที่สนับสนุนเพื่อไทยอาจจะมองว่าการมีนายอนุทินเป็นนายกฯ น่าจะมีโอกาสที่ ส.ว.ยกมือให้ได้ง่ายกว่าแคตดิเดตอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ หรือแม้แต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

เมื่อถามถึงสถานการณ์การเลือกตั้งที่มีข้อกังขาถึงความโปร่งใส ยุติธรรมจะกระทบกับการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงเสี่ยงที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะสุดท้ายหากการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นไม่ได้เลย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเสียงก้ำกึ่งอาจจะทำให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ ซึ่งมีหลายลักษณะ อาจจะการเลือกตั้งนั้นเป็นโมฆะ หรืออาจจะมีการยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นสภาวะที่เสียงก้ำกึ่งถือว่ามีความเสี่ยงมาก และเป็นเดทล็อคการเมือง และคลายออกไม่ได้.