ชี้พท.ตั้งรัฐบาลเสี่ยงเจองูเห่าพ่นพิษในสภา
การเมือง
รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวต่อว่า การประกาศรวมเสียงวันนี้อาจจะมีผลในการชิงพื้นที่จากพรรคพลังประชารัฐในแง่ของความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทยมีจำนวนที่นั่งมาเป็นอันดับ 1 แต่หากไม่ชิงประกาศก่อนจะลำบาก เพราะ พรรคพลังประชารัฐก็อ้างเหตุป๊อบปูล่าโหวต หรืออ้างว่ามีส.ส.ครบทุกภูมิภาค ก็เป็นอีกหนึ่งชุดคำอธิบาย แต่แน่นอนในระบบรัฐสภาแบบผู้แทน เพื่อไทยก็ชอบธรรมกว่า ทั้งนี้เมื่อดูแล้วนับเป็นความได้เปรียบคนละอย่าง เพื่อไทยได้เปรียบตรงเสียงส.ส.ในสภา ส่วนพปชร.ได้เปรียบเรื่องเสียง ส.ว.ดังนั้นในสภาวะแบบนี้ ตนคิดว่าภูมิใจไทยเป็นตัวชี้ว่าทิศทางการเมืองถ้าไปทางไหนก็ทำให้ฝ่ายนั้นได้เป็นรัฐบาล เชื่อว่าภูมิใจไทยจะยังไม่ประกาศแสดงจุดยืนจนกว่าจะมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง การประกาศของเพื่อไทยครั้งนี้ก็เพื่อส่งสัญญาณถึงภูมิใจได้เห็นถึงความมีเสถียรภาพ เพราะถ้าภูมิใจไทยเข้าร่วมก็จะเท่ากับว่ามีเสียงแตะ 300 เสียง จะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ และใช้กดดันส.ว.ได้
รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามพรรคภูมิใจไทยถือไพ่ 2 ด้าน มีทั้งได้เปรียบและเสียเปรียบในเวลาเดียวกัน เช่น ถ้าสนับสนุนเพื่อไทย นายอนุทิน ชาญวีรกุญ หัวหน้าพรรคมีโอกาสเป็นรัฐมนตรีสูง แต่มีโอกาสถูกครอบงำจากพรรคเพื่อไทยสูง และจะไปกันได้กับพรรคที่อยู่ในขั้วนั้น อย่างอนาคตใหม่ได้หรือไม่ เพราะเขามีจุดยืนพิเศษของ นี่คือข้อจำกัด แต่หากไปอยู่กับพลังประชารัฐ โอกาสมีอิสระในการทำงานมากกว่า แต่คงไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะพปชร.สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฉะนั้นภูมิใจไทยจะรักษาสถานการณ์ความได้เปรียบของเขาเอาไว้ ต้องรอดูอีกระยะ ส่วนโพลหนุนนายอนุทินนั่งนายกฯ นั้นอาจจะมีเหตุผล แต่ต้องเข้ากับขั้วพรรคเพื่อไทย เพราะคนที่สนับสนุนเพื่อไทยอาจจะมองว่าการมีนายอนุทินเป็นนายกฯ น่าจะมีโอกาสที่ ส.ว.ยกมือให้ได้ง่ายกว่าแคตดิเดตอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ หรือแม้แต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เมื่อถามถึงสถานการณ์การเลือกตั้งที่มีข้อกังขาถึงความโปร่งใส ยุติธรรมจะกระทบกับการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงเสี่ยงที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะสุดท้ายหากการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นไม่ได้เลย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเสียงก้ำกึ่งอาจจะทำให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ ซึ่งมีหลายลักษณะ อาจจะการเลือกตั้งนั้นเป็นโมฆะ หรืออาจจะมีการยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นสภาวะที่เสียงก้ำกึ่งถือว่ามีความเสี่ยงมาก และเป็นเดทล็อคการเมือง และคลายออกไม่ได้.