ผบ.ทสส.ซัด'ทักษิณ'ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง จำเป็นต้องคืนรางวัล
การเมือง
ทั้งนี้พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวถึงจุดยืนของกองทัพต่อบทบาทและหน้าที่ในการปกป้องสถาบันหลักของชาติว่า จุดยืนของทหารและตำรวจไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความอยู่ดีมีสุขของประชาชน ส่วนบทบาทความเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และความเป็นแม่น้ำ 5 สายมีโรดแม็พตามระยะเวลา ซึ่งไม่มีเรื่องใดที่ต้องกังวล เพราะการบริหารงานของรัฐบาลในเวลาต่อไปเป็นไปตามตัวบทกฎหมายและรัฐธรรมนูญที่กำหนด
เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองช่วงหลังการเลือกตั้ง ผู้บัญชาการเหล่าทัพวิเคราะห์อย่างไร พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณทุกพรรคการเมืองที่ทำให้เกิดความเรียบร้อย ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง โดยพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคสช.ได้คลายความกังวล เพราะทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็พ ส่วนผลการเลือกตั้งเท่าที่ได้ติดตามในฐานะประชาชนทุกอย่างก็เป็นไปด้วยปกติ ส่วนความพยายามที่จะรวมเป็นรัฐบาลด้วยคะแนนเสียงข้างมากนั้น ขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง สำหรับทหารและตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบ และป้องกันเอกราชอธิปไตยของประเทศชาติตามปกติต่อไป ทั้งนี้ทหารและตำรวจถือเป็นส่วนราชการที่เป็นกลไกทางราชการที่จะต้องปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดที่จะมาทำหน้าที่ในการเป็นรัฐบาล ทหารและตำรวจต้องปฏิบัติตามนโยบายและแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการไว้
เมื่อถามว่า ในฐานะที่กองทัพเป็นส่วนหนึ่งของคสช. แต่7พรรคการเมืองมีการลงสัตยาบรรณหยุดสืบทอดอำนาจคสช.และปฏิรูปกองทัพ พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า คสช.ต้องยุติหน้าที่ไปตามโรดแม็พอยู่แล้ว เมื่อมีเลือกตั้งแล้วตั้งรัฐบาลความเป็นคสช.ก็พ้นไปโดยธรรมชาติ ตนไม่เห็นว่าจะมีโอกาสที่จะสืบทอดอำนาจตามวาทะที่ได้พูดกันในระยะนี้ ไม่มีอะไรที่จะเป็นเรื่องน่ากังวล ในส่วนที่ถามเกี่ยวกับปรับปรุงพัฒนากองทัพ ถ้าเป็นคำสั่งแนวทาง หรือนโยบายที่คิดใคร่ครวญอย่างเหมาะสมแล้วว่าจะทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ ไม่ถูกรุกรานจากประเทศภายนอก ทุกอย่างก็ปรับได้ตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบาย
เมื่อถามว่า เราจะสามารถทำตามพระบรมราโชวาท คือให้คนดีมาปกครองบ้านเมืองได้หรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่เป็นความเร่งด่วนที่สุดที่กองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามจะพูดในทุกครั้งและทุกโอกาส การดำเนินการทุกประการตามแนวพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 ถือว่ามีความลึกซึ้งและเป็นปรัชญา สูงสุด เราไม่สามารถทําให้ทุกคนเป็นคนดี แต่เราเลือกคนดีเข้ามาบริหารได้ แล้วเราทุกคนในสังคมต่างๆ ทั้งทหารและตำรวจพยายามยึดมั่นในแนวปฏิบัตินี้คือพยายามให้คนดีขึ้นมาเป็นผู้บังคับบัญชา
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหลังเลือกตั้งเรื่องการทุจริตผลเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ต้องให้เวลากับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เราต้องเชื่อมั่นกลไกของรัฐ แม้ว่าเราอาจมีความเห็นว่าการทำงานของกกต.ไม่เรียบร้อยในกระบวนการจัดการเลือกตั้ง แต่ต้องเชื่อใจว่ากกต.มีหลักในการปฏิบัติและเขาพยายามที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด เมื่อพบข้อบกพร่องก็ต้องแก้ไขและจะต้องใช้เวลาพอสมควร ถ้าเราให้โอกาสกกต.มากกว่าจู่โจมด้วยคำพูดจนเขาไม่สามารถตั้งตัวได้และทำลายความน่าเชื่อถือ ในบางเรื่องถ้าไม่มีข้อเท็จจริง ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกกต.ด้วย
เมื่อถามว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ไม่ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกกองทัพมีจุดยืนอย่างไร พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า กองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ภายใต้รัฐบาลมาเป็น 100 ปีของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมาทุกแบบ เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหาว่ากองทัพจะปฏิบัติงานภายใต้รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีท่านใด
เมื่อถามว่า หากการเลือกตั้ง ไม่ได้ข้อสรุปที่ดีจะเกิดการรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า เราอย่าไปตั้งเป้าว่าจบไม่ดี คนไทยต้องคิดบวก เราอุตส่าเดินทางตามโรดแม็พมาถึงขั้นนี้แล้ว จนมีการเลือกตั้ง ขอให้กกต. ประกาศยืนยันผลเป็นทางการทุกอย่างก็จะมีการฟอร์มรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งในที่สุดก็จะสามารถมีรัฐบาลที่ได้เสียงข้างมาก
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเตรียมทหาร มีมติถอดชื่อนายทักษิณ ชินวิตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากการเป็นศิษย์เก่าดีเด่นและเรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ถือเป็นมติที่ประชุมคณะกรรมการฯ โดยมีผู้แทนจากรุ่นต่างๆเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ถือเป็นเรื่องภายใน ซึ่งรางวัลนี้เป็นรางวัลเกียรติยศ ผู้รับต้องรักษาเกียตินั้นไว้ ถ้ามีข้อมูลในทางใดที่ผู้รับไม่สามารถรักษาเกียรติไว้ได้ ก็ต้องเรียกคืน
เมื่อถามถึงสาเหตุในการเรียกคืนรางวัล พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า สื่อมวลชนและคนไทยอาจทราบข้อมูลตรงนั้นอยู่จากเว็ปไซต์และโซเชียลฯในหลายแห่ง แต่สิ่งที่รบกวนจรรยาบรรณและหลักนิยมของทหาร คือการใดก็ตามที่เป็นการจาบจ้วง ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ตรงนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจ ส่วนเหตุใดจะต้องมาถอดชื่อในช่วงนี้ ก็มีช้ามีเร็วได้ เป็นเรื่องปกติ อยู่ที่ว่าช่วงใดที่เราจะดำเนินการก็ต้องดำเนินการให้จบกระบวนการขั้นตอนไป
เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ฮ่องกงหรือไม่ ว่า พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า “ไม่ครับ เป็นเรื่องทั่วๆไป เมื่อข้อมูลมาถึงจุดๆหนึ่ง ที่ต้องดำเนินการอย่างไร เราก็เลือกระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่อยากให้ส่งผลกระทบไปเรื่องในการเมือง
เมื่อถามว่ากรณีของนายทักษิณเป็นครั้งแรกหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้ได้รับรางวัล เขาก็รักษาเกียรติแห่งรางวัลนั้นไว้ได้ทุกคน เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรในฐานะเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเตรียมทหารและมีมติดังกล่าวออกมา พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารก็เป็นทหารและตำรวจ ซึ่งเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่มีมาตรฐานทางจริยธรรม โดยเฉพาะมาตรฐานในความจงรักภักดี ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่เรายึดถือ จะรู้และระมัดระวัง ไม่ล่วงเกินทางใดทางหนึ่ง ผู้ใดล่วงละเมิดล่วงเกิน อย่างที่ตนบอกไปแล้วว่า ไม่รู้ว่าอะไรสูงอะไรต่ำ มาตรการทางใดทางหนึ่งอันนี้ก็จะเป็นมาตรฐานที่คนไทยทุกคนพึ่งปฏิบัติ.