ข่าว'นิพิฏฐ์'แฉคลิปโกงลต.ภาคใต้ ลั่นเอาให้ถึงยุบพรรค! - kachon.com

'นิพิฏฐ์'แฉคลิปโกงลต.ภาคใต้ ลั่นเอาให้ถึงยุบพรรค!
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์  นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตผู้สมัครส.ส. พัทลุง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า  ตนเรียกร้องให้ประชาชนเป็นลูกขุนให้กับคดีการทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้งในภาคใต้ หลังจากที่ตนไปยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบสวนเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนรู้สึกขยะแขยงการซื้อเสียง อย่างไรก็ตามยังไม่ขอระบุว่าเกิดขึ้นในพื้นที่ไหน แต่ยืนยันว่ามีจริงตามข้อมูลที่มีในขณะนี้ ที่มาขอร้องให้ประชาชนเป็นลูกขุนตรวจสอบการวินิจฉัยของ กกต.ว่าจะขัดกับคำวินิจฉัยของประชาชนหรือไม่ โดยจากการที่ตนยื่นหลักฐานไปยัง กกต. ประกอบด้วยบันทึกสนทนาของกลุ่มไลน์กลุ่มหนึ่งที่มีสมาชิก 388 คน โดยเป็นเนื้อหาการสนทนาเกี่ยวกับการรวบรวมบัตรประชาชนในพื้นที่ เพื่อเตรียมการทุจริตการเลือกตั้ง มีการย้ำว่าทุกขั้นตอนอย่าประมาท เพราะเรากำลังสู้กับกฎหมาย ซึ่งปกติ ประชาชนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แต่กลุ่มไลน์นี้กลับบอกว่าเรากำลังสู้กับกฎหมาย และให้ระวังแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย  นอกจากนี้ ตนยังมีหลักฐานบันทึกสนทนาของกลุ่มไลน์อีกหนึ่งกลุ่มเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแจ้งเตือนจากคณะกรรมการบริหารพรรคของพรรคการเมืองหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มด้วย โดยบอกกับสมาชิกในกลุ่มให้ระวัง เนื่องจากตนกำลังจับตาตรวจสอบอยู่ โดยประกาศให้รางวัลกับคนที่เก็บบัตรประชาชนหัวละ 10 บาท แสดงว่าคณะกรรมการบริหารพรรคคนนี้รู้ถึงกระบวนการโดยไม่ได้ห้ามปราม

นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีบันทึกข้อความจากไลน์อีกหนึ่งกลุ่ม มีใจความว่า “หากใครถูกจับช่วงแจกเงิน ให้บอกว่าเป็นเงินของพรรคประชาธิปัตย์ ผมถูกตำรวจจับ ผมก็พูดว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้ทำ” ซึ่งถือเป็นการใส่ร้ายตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.  อีกทั้งหลังจากที่ตนนำข้อความดังกล่าวมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ปรากฏว่าข้อความนั้นถูกลบจากห้องสนทนาในกลุ่มไลน์ แต่ตนได้เก็บหลักฐานข้อความเหล่านั้นไว้แล้ว อีกทั้งยังมีหลักฐานเป็นสมุดบัญชีการจ่ายเงินให้กับประชาชนเจ้าของบัตร โดยมีการระบุรายละเอียด เช่น จำนวนสมาชิกในครอบครัว ยอดจำนวนเงิน และสัญลักษณ์การจ่ายเงินแล้ว โดยทั้งหมดมีการรวบรวมบัตรประชาชนประมาณ 50,000 ใบ  จากนั้น นายนิพิฏฐ์ได้เปิดคลิปวิดีโอตอนหนึ่งขณะที่หัวคะแนนกำลังจ่ายเงินให้กับชาวบ้าน ซึ่งในคลิปดังกล่าวเป็นการพูดคุยภาษาใต้ใจความสรุปว่า ให้เลือกผู้สมัครส.ส. เบอร์ 9 พร้อมจ่ายเงิน 500 บาท และบอกด้วยว่าหากพรรคไหนจ่าย ก็รับไปเลย แต่ขอให้เลือกเบอร์ 9



“จะเห็นว่าจากที่เขารวบรวมบัตรได้ประมาณ 550,000 ใบ หัวละ 500 บาท ร่วมๆจ่าย 30-50 ล้านบาทจริงๆ จนนำเขาไปสู่เป้าหมาย แต่สิ่งที่อยากเน้นคือ กกต.กล้าหรือไม่ เมื่อกก.บห.พรรครู้เห็นและกระบวนการเก็บบัตรเป็นที่มาของการซื้อเสียงจริงๆ หมายความว่ากก.บห.เป็นผู้รู้เห็น แต่ไม่ได้แก้ไขยับยั้ง จึงมีเหตุผลหนักแน่นเพียงพอที่จะยุบพรรค ผมอยากให้กกต.ตั้งชุดเฉพาะกิจไปสอบเรื่องนี้ในพื้นที่ เพราะผมรู้ว่ากกต.ในพื้นที่และพนักงานสอบสวนที่ได้นัดผมไปสอบในวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.นี้ ที่จ.พัทลุงนั้น จะตรวจสอบพลาดหรือไปถึงจุดนั้นหรือไม่”นายนิพิฏฐ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากพื้นที่ที่ปรากฏหลักฐานในวันนี้ยังมีเขตเลือกตั้งอื่นที่มีการกระทำเดียวกันอีกหรือไม่ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า ทราบว่ามีในพื้นที่จ.สตูล เขต 2 และ จ.สงขลา เขต 7 ซึ่งเป็นการกระทำทุจริตจากพรรคเดียวกันกับกรณีที่ตนนำมาเปิดเผย โดยทำเป็นขบวนการเพื่อให้ชนะการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ และพรรคดังกล่าวก็รู้ว่ากก.บห.ของเขารับทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ผู้สมัครส.ส.ของพรรคในพื้นที่จะเป็นผู้นำหลักฐานยื่นกกต.ต่อไป และหากสิ่งที่ตนนำมาร้องเรียนสุดท้ายแล้วพบว่ามีความผิดจริงก็ต้องมีจัดการจัดเลือกตั้งใหม่ในเขตนั้น แต่กรณีนี้เกี่ยวข้องกับกก.บห.ดังกล่าวก็ต้องมีการยุบพรรคนั้น

เมื่อถามต่อว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้เกิดข้อผิดพลาดและปัญหาในการทุจริตในหลายพื้นที่ คิดว่าพอจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้กลายเป็นโมฆะได้หรือไม่ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า การทุจริตซื้อเสียงในการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงบางเขตเลือกตั้ง จึงไม่มีผลที่จะทำให้การเลือกตั้งทั้งหมดกลายเป็นโมฆะ แต่ตนในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูแลภาคใต้ ได้เคยกำชับสมาชิกพรรคในแต่ละเขตว่าให้สังเกต และหาพยานหลักฐานในเรื่องการซื้อเสียงเลือกตั้งเอาไว้ แต่การหาพยานหลักฐานและเอกสารที่จะมายืนยันเรื่องการซื้อเสียงนั้นเป็นเรื่องยากมาก เพราะต้องใช้คนที่กล้าทำและรู้จริงๆเท่านั้นโดยเราใช้ทั้งประชาชนธรรมดา และบุคคลในเครื่องแบบที่มาช่วยดำเนินการเก็บพยานหลักฐานดังกล่าว อย่างไรก็ตามตนยังมีหลักฐานที่เป็นคลิปวีดีโอบันทึกภาพการกระทำการทุจริตอีกหลายชิ้น ซึ่งคลิปที่นำมาเปิดเผยในวันนี้ (29 มี.ค.) เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น.