ข่าว'วีวอช'ยื่นเสนอกกต.5ข้อ ให้เวลากู้วิกฤตศรัทธา - kachon.com

'วีวอช'ยื่นเสนอกกต.5ข้อ ให้เวลากู้วิกฤตศรัทธา
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายพีรวิชญ์ ขันติสุข ฝ่ายวิเคราะห์ผลการสังเกตการณ์การเลือกตั้งของเครือข่าย We Watch เปิดเผยว่า จากการส่งอาสาสมัครลงพื้นที่สังเกตการณ์การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมากว่า 1,500 หน่วยเลือกตั้ง พบว่าร้อยละ 90 ประชาชนมารอใช้สิทธิก่อนเวลาเปิดหีบ ร้อยละ 16 มีโปสเตอร์หาเสียงของผู้สมัครตั้งอยู่รอบหน่วยเลือกตั้ง และในจำนวนนี้มีร้อยละ 1.1 อยู่ห่างจากคูหาเลือกตั้งไม่ถึง 20 เมตร ซึ่งส่วนนี้กกต.ชี้แจงเป็นดุลยพินิจกรรมการประจำหน่วย ร้อยละ 33.33 ไม่มีการแจ้งแก้ไขรายชื่อพรรคการเมืองที่ถูกยุบให้ประชาชนทราบ ที่น่าสนใจมีการเอากระดาษเปล่ามาปิดทับรายชื่อผู้สมัครทั้งที่ไม่ใช่คนที่ถูกตัดสิทธิ แต่กรรมการประจำหน่วยยืนยันว่าคนนี้ถูกตัดสิทธิ นอกจากนี้พบว่าร้อยละ 1.2 ไม่มีการตรวจบัตรประชาชน หรือบัตรที่ออกโดยราชการ ร้อยละ 4 ผู้ใช้สิทธิไม่สามารถออกเสียงได้อย่างเป็นส่วนตัว เพราะคูหาด้านหลังเปิดกว้าง มีคนเดินตลอดสามารถมองเห็นว่ากำลังเลือกใคร บางหน่วยฯ ไม่มีการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกกลุ่มคนพิเศษ เช่น ผู้พิการ  

นายพีรวิชญ์ กล่าวต่อว่า ร้อยละ 1.6 ไม่อนุญาตให้มีการสังเกตการณ์ในหน่วยเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังพบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มีหน้าที่อำนวยความสะดวกของการเลือกตั้ง ได้เข้าไปอยู่ในคูหาที่กำลังมีผู้ใช้สิทธิ มีการปฏิบัติงานแทนเจ้าหน้าที่ และมีการพกอาวุธ สำหรับการเปิดหีบเลือกตั้งนั้นไม่มีปัญหา ปิดได้ตามเวลา แต่แต่ที่เป็นปัญหาคือ ร้อยละ 19.1 ไม่มีเจาะบัตรเลือกตั้งที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งตามคู่มือประจำหน่วยเลือกตั้งบอกว่าต้องทำเป็นสิ่งแรกด้วยซ้ำเพื่อป้องกันการถูกนำไปใช้ต่อ ขณะที่ขั้นตอนการนับคะแนนนั้น ร้อยละ 99.8 เป็นการนับคะแนนเปิดเผย แต่มีเคสไม่มีการแสดงบัตรให้ประชาชนดูชัดเจน จุดที่นับคะแนนอยู่ไกลสายตา ทำให้มองไม่เห็นว่านั่นเป็นบัตรดีหรือบัตรเสีย อย่างไรก็ตามบัตรที่นับแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบัตรดี บัตรเสียแล้วนั้นกรรมการประจำหน่วยจะต้องเจาะบัตรด้วยเหล็กแหลม หรือตุ๊ดตู่ แต่กลับมีหลายหน่วยที่ไม่ได้ทำ ซึ่งจะเห็นว่ามีความแตกต่างมากของกรรมการประจำหน่วย



นายพีรวิชญ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการแสดงผลของกกต. ครั้งแรกพบผู้มาใช้สิทธิมากกว่าผู้มีสิทธิ ต่อมากกต.ตอบคำถามในเรื่องนี้ว่าเป็นความขัดแข้งทางเทคนิกของระบบรายงานผล ซึ่งขัดกับหลักสากล และฟังไม่ขึ้น ล่าสุด 28 มี.ค.คะแนนที่ประกาศร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างไม่เป็นทางการ บัตรที่ถูกใช้กับตัวเลขผู้มาใช้สิทธิไม่ตงกัน อีกทั้งจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มมาประมาณ 3.4 หมื่นคนจากที่เคยประกาศไว้ ซึ่งเป็นที่น่ามหัศจรรย์ นอกจากนี้ กรณีบัตรเสียครั้งนี้พบถึงร้อยละ 5.7  อาจจะมองว่าไม่เยอะเพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 บัตรเสียประมาณนี้เหมือนกัน แต่การเลือกตั้งปี 2540 บัตรเสียน้อยกว่านี้มาก และตามหลักสากลบอกว่าบัตรเสียไม่ควรเกิน 4 และจากข้อมูลค่าเฉลี่ยบัตรเสียที่เกิดขึ้นทั่วโกลอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2 กือบ 3 เท่ากับว่าบัตรเสียของไทยเกินค่ามาตรฐานโลกมาเกือบเท่าตัว เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาว่าบัตรเสียมากขนาดนี้ กกต.กำลังทำอะไรกันอยู่ ที่น่าตกใจคือ เว็บไซต์ Change ซึ่งมีผู้มาลงชื่อถอดถอนกกต.มากเกือบจะล้านคน มากที่สุดในรอบ 5 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่ากกต.มีการจัดการเลือกตั้งไม่เท่าเทียมกันหลายๆ อย่าง

นายสาเล็ม มะดูวา ผู้ประสานงานภาคกลาง กล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ เครือข่ายฯ มีข้อเสนอต่อกกต.คือ 1.กกต.ต้องเปิดเผยผลการนับคะแนนแบบแมนนวลเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ 2.ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบแอพพลิเคชั่นนับคะแนน กระบวนการการทำงาน และการป้องกันการถูกเจาะระบบ 3. ให้ความรู้ต่อกระบวนการการเลือกตั้งต่อผู้มาใช้สิทธิ 4.กกต.จัดให้มีแบบแผนปฏิบัติเพื่ออบรมกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งให้มีเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน มีการสื่อสารที่ครอบคลุม และ 5.ให้ทบทวนข้อกฎหมาย ระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ประชาชนเห็นว่าไม่ได้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เช่น บัตรเลือกตั้งที่ไม่ได้ถูกนับและรวมถึงการเปิดช่องทางให้ภาคประชาสังคมสามารถเข้าไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งได้

ด้าน ดร.เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช ผู้อำนวยสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าขณะนี้กกต.กำลังเผชิญกับวิกฤติความเชื่อมั่น การจะนำศรัทธาจากประชาชนคืนมาได้คือกกต.ต้องทำให้เห็นถึงความยุติธรรม ดังนั้นตนว่าเราควรให้เวลากับกกต.ได้ทำงานเพื่อฟื้นคืนทรัทธาของการเลือกตั้งครั้งนี้ว่ามีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม.