ข่าว'สวนดุสิตโพล'เผยคนส่วนใหญ่กังวลผลคะแนนเลือกตั้ง - kachon.com

'สวนดุสิตโพล'เผยคนส่วนใหญ่กังวลผลคะแนนเลือกตั้ง
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,752 คน แม้ว่า การเลือกตั้งจะผ่านไปแล้ว แต่ควันหลงของการเลือกตั้งก็ยังคงอยู่ในกระแสและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ดังนั้นเพื่อเป็นการถอดบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ในระหว่างวันที่ 26-30 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยพบว่าประชาชน 45.20 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น ความไม่โปร่งใส การทำงานของ กกต.และข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น  ขณะที่ 21.28 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าประชาชนตื่นตัว ออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก  16.55 เปอร์เซ็นต์ มองว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ มีผลต่อบ้านเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ  13.07 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่ารอลุ้นผลการเลือกตั้ง พรรคไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี  10.15 เปอร์เซ็นต์ มองว่าว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นข่าวใหญ่ ถูกจับตามองทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ 

สำหรับสิ่งที่ประชาชนประทับใจในว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา คือ อันดับ 1 ได้ออกมาใช้สิทธิ ทำตามหน้าที่ของตนเอง 66.14 เปอร์เซ็นต์  อันดับ 2 ประชาชนตื่นตัว ช่วยกันตรวจสอบ บรรยากาศการเลือกตั้งคึกคัก 17.30 เปอร์เซ็นต์  อันดับ 3 ผู้สมัครที่ชื่นชอบได้เป็น ส.ส. 14.14 เปอร์เซ็นต์  อันดับ 4 หน่วยเลือกตั้งอยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก 9.67 เปอร์เซ็นต์  อันดับ 5 ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น 8.56 เปอร์เซ็นต์  เมื่อถามถสิ่งที่ประชาชนวิตกกังวลในว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า อันดับ 1 ความไม่โปร่งใส ทุจริตการเลือกตั้ง ผลคะแนนไม่ชัดเจน 69.47 เปอร์เซ็นต์  อันดับ 2 การจัดตั้งรัฐบาล ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 28.88 เปอร์เซ็นต์  อันดับ 3 ความขัดแย้ง ความวุ่นวายทางการเมืองที่อาจจะมีมากขึ้น 11.32 เปอร์เซ็นต์  อันดับ 4 ผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือเป็นโมฆะ ต้องเลือกตั้งใหม่ 10.37 เปอร์เซ็นต์อันดับ 5 กลัวทำบัตรเสีย กาผิด เข้าใจผิด 4.26 เปอร์เซ็นต์

เมื่อถามว่าจากผลการเลือกตั้งในภาพรวม ประชาชนมีความสมหวังหรือผิดหวังอย่างไร พบว่าประชาชน 48.74 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าผิดหวัง เพราะความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้ง การทำงานของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) การนับคะแนน ประกาศผลล่าช้า ผู้สมัครที่ชื่นชอบแพ้ ฯลฯ  ขณะที่ประชาชน 30.71 เปอร์เซ็นต์ บอกว่ารู้สึกเฉยๆ เพราะไม่อยากคาดหวัง ใครก็ได้ที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ยอมรับกับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ ฯลฯ  แต่ 20.55 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าสมหวัง เพราะได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งของตัวเอง ผลการเลือกตั้งเป็นไปตามที่หวังไว้ ผู้สมัครที่ชื่นชอบได้เป็นส.ส.  เมื่อถามว่าจากผลการเลือกตั้งที่ปรากฏ ณ วันนี้ ประชาชนคิดว่าจะทำให้สภาพบ้านเมืองเป็นอย่างไร พบว่าประชาชน 40.07 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า เหมือนๆเดิม  เพราะไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนเข้ามาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้หมดไปได้ บ้านเมืองมีปัญหาเรื้อรังมานาน คนในสังคมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย  แต่ประชาชน 31.85 เปอร์เซ็นต์ มองว่าแย่ลงกว่าเดิม เพราะรัฐบาลที่เข้ามาใหม่อาจขาดเสถียรภาพ ไม่สามารถผลักดันนโยบายสำคัญออกมาได้ ความขัดแย้งทางการเมืองมีมากขึ้น  28.08 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าดีขึ้นกว่าเดิม เพราะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่น เศรษฐกิจดีขึ้น รัฐบาลใหม่ต้องเร่งสร้างผลงานให้เห็น.